‘War Room ภาคประชาชน’ เป็นตัวกลางประสานด่วน! เสนอ นิติเวช ม.อ. – ตำรวจ เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล พร้อมเดินหน้ารวบรวมเอกสาร หลักฐาน ตามหาญาติ กังวล หากไร้ระบบ อาจมีคนแสวงหาประโยชน์จากศพ อ้างรับสิทธิเยียวยา 2 ล้าน ยัน ครอบครัวผู้สูญเสียต้องได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม
อิบรอเฮม หวันแหละ อาสาเทคโนโลยี กทม. ในฐานะอาสาสมัคร War Room ภาคประชาชน ทีมจัดการศพ เปิดเผยกับ The Active ถึงข้อกังวลการจัดการร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยระบุว่าในฐานะคนจะนะ จ.สงขลา ที่เคยเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีก่อน มองว่าการทำงานที่อาศัยบทบาทของเครือข่ายภาคประชาชนมีความสำคัญมาก
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ต้องไม่ลืมพูดถึงหลังน้ำลด คือ การจัดการศพ ซึ่งน้ำท่วมหาดใหญ่รอบนี้ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้หลายศพอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แต่ที่เป็นข้อกังวล คือ การจัดการศพของพี่น้องมุสลิม เพราะหากเป็นการเสียชีวิตในสถานการณ์ปกติ พิธีกรรมตามหลักศาสนา ต้องทำพิธีฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง โดยต้องขอหลักฐานการชันสูตรจากโรงพยาบาล เพื่อให้ตำรวจออกหลักฐานการตาย จากนั้นถึงนำไปยื่นออกใบมรณบัตร เมื่อได้หลักฐานมาแล้วจึงสามารถเอาศพออกจากโรงพยาบาลเพื่อเข้าสู่พิธีกรรมทางศาสนาได้ คือ การอาบน้ำศพ เข้าสู่พิธีละหมาดเพื่อให้เกียรติศพ และนำศพฝังลงดิน เป็นอันเสร็จพิธีศพตามหลักศาสนาอิสลาม
สำหรับข้อกังวลที่เกิดขึ้น อิบรอเฮม สะท้อนว่า มีอยู่ 2 ประเด็นหลัก ๆ คือ ครอบครัวผู้สูญเสียชาวมุสลิมที่พบศพและนำศพคนในครอบครัวไปประกอบพิธีฝังเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันจบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ศพเหล่านี้ยังไม่แน่ใจว่าจะพอมีช่องทางไหน เพื่อจะให้ญาติสามารถใช้หลักฐานเพื่อนำมารับสิทธิเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต 2 ล้านบาท เพราะแน่นอนว่า การตายด้วยเหตุสุดวิสัยแบบนี้ ครอบครัวที่พบศพทันทีก็อาจไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเรื่องหลักฐาน เพราะต้องฝังตามหลักศาสนาภายใน 24 ชั่วโมง
อีกประเด็น คือ ศพของพี่น้องมุสลิมที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวตน และตามหาญาติได้ ซึ่งในเวลานี้ศพที่พบจากน้ำท่วม ถูกนำไปเข้าสู่ขั้นตอนการชันสูตร พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่ รพ.สงขลานครินทร์ โดยขั้นตอนเหล่านี้อาจยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จึงจะสามารถได้หลักฐานจากทางโรงพยาบาล จากทางตำรวจ เพื่อได้รับใบมรณบัตร นำให้ญาติไปขอรับเงินเยียวยาได้ แต่สิ่งที่มองว่าเป็นปัญหาเวลานี้ คือ หากศพผ่านขั้นตอนการพิสูจน์เอกลักษณ์จนสามารถนำออกไปประกอบพิธีกรรมได้แล้ว อาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะกับการตามหาญาติพี่น้อง และครอบครัวเพื่อมารับศพ
อิบรอเฮม จึงย้ำบทบาทของ War Room ภาคประชาชน ทีมจัดการศพ ว่า จะเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นตัวประสานเพื่อตามหาญาติ มารับศพ โดยในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมทีมวอร์รูมในพื้นที่หาดใหญ่ เพื่อจัดการกับอาสาสมัคร คอยประสานตำรวจ เพื่อออกใบรับรองการชันสูตร การตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล จากนั้นจะประสานนำรายชื่อไปส่งต่อในกลุ่มอาสาของแต่ละกลุ่ม แต่ละพื้นที่ เพื่อตามหาญาติมารับศพไปประกอบพิธีต่อไป
“ในตอนนี้เราได้ประสานของรับบริจาคโลงศพ ซึ่งพี่น้องมุสลิมย่านหนองจอก ได้ช่วยกันบริจาคเงินจนได้โลงศพล็อตแรกที่จะเร่งส่งไปยังหาดใหญ่จำนวน 60 โลง โดยจะขนส่งเดินทางลงหาดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค. 68) เมื่อไปถึงแล้ว จะถูกเก็บที่ที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งที่ปลายทางก็ได้ประสานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ที่เป็นเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ จะเป็นผู้ไปรับศพออกจากนิติเวชที่ ม.อ. โดยอิหม่ามที่มัสยิดกลางสงขลายินดีไปรับศพให้ ถ้าหากชันสูตรว่าเป็นมุสลิม ก็จะตามหาญาติ ถ้ายังตามหาญาติไม่ได้ก็จะประกอบพิธีทางศาสนาทันที โดยจะเก็บเอกสารต่าง ๆ ไว้ส่งต่อให้ญาติที่มาติดต่อภายหลัง เพื่อนำเอกสารเหล่านี้ไปรับสิทธิเยียวยาต่อไป”
อิบรอเฮม หวันแหละ
อิบรอเฮม ยังย้ำว่า การจัดการศพให้กับพี่น้องมุสลิมในตอนนี้ คือเรื่องที่ต้องให้ความเร่งด่วนไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ โดยทาง War Room ภาคประชาชน กำลังจะมีกระบวนการให้ครอบครัวผู้ประสบภัยลงชื่อบุคคลที่สูญหายว่ามีใครบ้าง เนื่องจากตอนนี้แต่ละศพมีเงินเยียวยา 2 ล้านบาทเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงกังวลว่าหากเรื่องนี้ไม่สามารถจัดระบบให้ดี และไม่มีความชัดเจน อาจนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์จากการสูญเสียได้ นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทีมจัดการศพ War Room ภาคประชาชน ต้องเร่งประสานการทำงานเพื่อให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการได้อย่างรวดเร็ว
ล่าสุดมีความชัดเจนจากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ยืนยันแล้วว่า สถานที่ฝังศพสำหรับพี่น้องชาวมุสลิม ได้รับการอนุมัติแล้ว 2 สุสาน ประกอบด้วย
- กุโบร์ ทุ่งนาแขก พื้นที่หมู่ 3 ตำบลควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- กุโบร์บ้านบน ถนนไทรบุรี ตำบลบ่อยาง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา
