เดินเครื่อง! กองอำนวยการภาคประชาชนส่วนหน้า หาดใหญ่ เชื่อมข้อมูลทรัพยากร ลุยพื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วมใหญ่ ช่วยคนจนเมือง ฟื้นบ้าน ฟื้นอาชีพ เปิดระบบแมตช์ความต้องการอาสาสมัคร ครอบคลุม 3 โซนชุมชน ย้ำภารกิจอุดช่องโหว่ การช่วยเหลือที่ภาครัฐเข้าไม่ถึง
วันนี้ (4 ธ.ค. 68) ที่ศูนย์การศึกษาเพื่อสันติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ War Room ภาคประชาชน เดินหน้าจัดตั้ง กองอำนวยการภาคประชาชนส่วนหน้า ช่วยเหลือน้ำท่วมพื้นที่หาดใหญ่ โดยดึงอาสาสมัครจากหลายภาคส่วนมาร่วมหารือกัน เพื่อสะท้อนภาพปัญหา ความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในมิติต่าง ๆ พร้อมหาวิธีการเชื่อมทุกองค์กร ร่วมทำงานแก้ไขปัญหา วางแนวทางการฟื้นฟูวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ

ศิรินันต์ สุวรรณโมลี นักวิชาการอิสระด้านภัยพิบัติ เปิดเผยถึงประเด็นสำคัญที่ได้สรุปร่วมกันว่า ขณะนี้แต่ละภาคส่วนเริ่มมี “ระบบข้อมูล” ที่เชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีทิศทาง โดยเฉพาะข้อมูลด้านสุขภาพ ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และข้อมูลของกลุ่มเปราะบาง
โดยข้อมูลจากเครือข่ายจิตอาสาและภาคประชาสังคม เช่น เครือข่าย Care รวมถึงการทำงานร่วมกับ มูลนิธิเส้นด้าย ช่วยให้สามารถระบุผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเฉพาะหน้าได้ชัดเจนขึ้น ด้านสุขภาพกาย ก็มีการเชื่อมข้อมูลกับหน่วยงานทางการแพทย์ทั้งมหาวิทยาลัยและสำนักงานสาธารณสุข เพื่อวางแผนกระจายยาและบริการให้ครอบคลุม โดยกรณีที่ต้องลงพื้นที่เร่งด่วนก็มีการใช้ฐานข้อมูลภาคประชาชนช่วยระบุจุดที่มีความต้องการเร่งด่วนได้ทันที
ล้างบ้าน-ซ่อมอุปกรณ์ ฟื้นทั้งใจและอาชีพ
ศิรินันต์ ยังกล่าวถึงงาน ล้างบ้าน ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพจิตเช่นกัน เพราะไม่ใช่เพียงการทำให้บ้านสะอาด แต่เป็นการส่งสัญญาณว่าผู้ประสบภัย ไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง ส่งผลต่อกำลังใจและความสามารถในการฟื้นฟูชีวิตต่อไป
ในด้าน สุขภาพการเงิน ระบุว่าการฟื้นอุปกรณ์การทำงาน เช่น การซ่อมมอเตอร์ไซค์ พัดลม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนในชุมชนสามารถกลับไปประกอบอาชีพได้เร็วขึ้น และจะส่งผลดีต่อสุขภาพใจควบคู่กันไป
สุดท้ายคือประเด็น การจัดการทรัพยากร ศิรินันต์ เน้นย้ำว่า การระดมทรัพยากรต้องเชื่อมกับความต้องการจริงในพื้นที่ และเป็นกระบวนการที่ต้องมีการเคลื่อนไหวแบบไดนามิกต่อเนื่อง ทั้งการจัดหา แบ่งปัน และส่งตรงไปยังชุมชนที่ต้องการ ช่วยให้การเยียวยาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ชุมชนริมรางรถไฟ เสียหายหนัก ยังมีพื้นที่ตกหล่น
พิชยา แก้วขาว กรรมการมูลนิธิชุมชนไท ระบุว่า จากการลงพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ระดับน้ำเริ่มลดลง พบว่าในหลายชุมชน โดยเฉพาะ ชุมชนคนจนเมืองริมทางรถไฟ สภาพความเสียหายยังรุนแรงมาก ขยะจำนวนมากยังค้างอยู่บนหลังคาบ้าน หลายครอบครัวยังเข้าไปอยู่ในบ้านไม่ได้ เพราะมีรถถูกน้ำพัดมาทับหรือโครงสร้างเสียหายหนัก สิ่งของจำเป็น เช่น เสื่อ ผ้าห่ม เสื้อผ้า อุปกรณ์ทำงาน และของใช้ในครัวเรือน สูญเสียเกือบทั้งหมด

พิชยา บอกอีกว่า การนำข้อมูลจากหลายองค์กรและภาคประชาชนมารวมกันช่วยให้เห็นภาพศักยภาพของแต่ละหน่วยงานชัดเจนขึ้น ทำให้การช่วยเหลือ เร็วขึ้นและตรงจุด โดยเฉพาะชุมชนที่เคยมีการรวมตัวหรือมีแกนนำเข้มแข็งมาก่อน จะสามารถเคลื่อนงานได้เร็ว ตั้งแต่การกระจายข้าวกล่อง ถุงยังชีพ ไปจนถึงพัฒนากิจกรรมฟื้นฟูบ้านเรือน ทำให้ผู้ประสบภัยสามารถออกไปรับจ้างทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพรอคอยความช่วยเหลือในศูนย์พักพิงเป็นเวลานาน
แบ่งงานตามความถนัด ลดภาระทุกองค์กร
พิชยา ยอมรับว่า ปัญหาขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถพึ่งพาองค์กรใดองค์กรหนึ่งได้ การเชื่อมข้อมูลกันจึงสำคัญมาก เพราะช่วยแบ่งงานตามความถนัดของแต่ละหน่วยทำงาน ตัวอย่างเช่น บางกลุ่มเชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพ บางกลุ่มถนัดเรื่องเครื่องมือซ่อมแซม หรือบางกลุ่มเชี่ยวชาญการทำงานกับเด็กและผู้สูงอายุ เมื่อเชื่อมข้อมูลกันแล้ว ภาระของแต่ละองค์กรจะลดลง และผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือครอบคลุมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม พิชยา เตือนว่า แม้วันนี้หลายพื้นที่เริ่มได้รับการช่วยเหลือ แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ตกหล่น โดยเฉพาะชุมชนริมทางรถไฟอีกหลายจุดที่ยังไม่มีหน่วยงานเข้าไปถึง ทีมงานจึงวางแผนกลับเข้าไปสำรวจซ้ำ ค้นหาแกนนำชุมชน และปลุกให้ชุมชนลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง โดยจะมีการสนับสนุนจากภาคีต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นเร็วที่สุด
แบ่งโซนพื้นที่ 3 เขต ตั้งศูนย์ประสานงานให้ชัด
ชาคริต โภชะเรือง ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนสงขลา เปิดเผยว่า การทำงานฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยจำเป็นต้องมี ศูนย์กลางประสานงาน ที่ชัดเจน และออกแบบการทำงานแบบแบ่งโซน เพื่อให้การเข้าถึงชุมชนเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นระบบ โดยจุดตั้งต้นคือการระบุ พื้นที่คนจนเมือง ในอำเภอหาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบหนัก และจัดโซนการทำงานอย่างน้อย 3 พื้นที่ ประกอบด้วย
- โซนที่ 1 คือพื้นที่แถวหาดใหญ่ใน เป็นชุมชนที่เผชิญน้ำท่วมซ้ำซากมานาน โดยมีผู้นำศาสนาอิสลามและทีมอาจารย์ในพื้นที่ทำหน้าที่ประสานงานร่วมกับประธานชุมชน ทำให้สามารถวางระบบทำงานกับเครือข่ายได้รวดเร็ว
- โซนที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนจันทร์วิโรจน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีฐานงานของ พอช. และเครือข่ายสลัม 4 ภาคอยู่แล้ว จึงมีทีมงาน พอช. รับบทเป็นหน่วยประสานหลัก
- โซนที่ 3 เขต 8 เป็นพื้นที่ที่มีชุมชนย่อยจำนวนมาก การประสานงานเบื้องต้นทำผ่านผู้นำชุมชน และใช้ศูนย์อาสาสมัครของ ม.อ. เป็นกลไกสำคัญในการลงพื้นที่ โดยกำหนด มัสยิดสถานี 2 เป็นจุดศูนย์กลาง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ชาวพุทธและมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกัน และสามารถใช้เป็นฐานปฏิบัติการร่วมได้

แบ่งโครงสร้างงาน 2 แกน พื้นที่-ประเด็น
ชาคริต ยังระบุว่า โครงสร้างการทำงานแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ศูนย์กลางเชิงพื้นที่ และ ศูนย์กลางเชิงประเด็น เพื่อให้กลุ่มที่ถนัดเฉพาะด้าน เช่น สุขภาพ เด็ก ผู้สูงอายุ หรือการซ่อมแซมบ้าน สามารถเข้าไปทำงานในพื้นที่ที่ต้องการได้ทันที โดยใช้ข้อมูลพื้นที่เป็นตัวเชื่อม
ปัจจุบันทีมงานกำลังวางระบบและรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอความต้องการของแต่ละชุมชนอย่างเป็นรายงานเดียวกัน พร้อมออกแบบกระบวนการให้ปฏิบัติงานร่วมกันได้จริง ส่วนความท้าทายที่เหลือ คือการแก้ปัญหาหน้างานให้สอดคล้องกับเป้าหมายการฟื้นฟูชีวิตคนจนเมืองในพื้นที่ประสบภัย
ระดมสรรพกำลัง ฟื้นฟูไม่เกิน 45 วัน
ขณะที่ สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา บอกว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้มีโจทย์สำคัญหลายเรื่องที่ไม่สามารถรอได้ และบางเรื่องไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปทำ จึงจำเป็นต้องระดมสรรพกำลัง เพื่อเปลี่ยนเกมให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเตือนว่าแม้ทรัพยากรมีจำกัด แต่ต้องไม่ขยายงานกว้างจนไร้ประสิทธิภาพ เพราะเวลาที่มีสำหรับฟื้นฟูจริง ๆ อาจไม่เกิน 45 วัน

เขายังระบุว่า การเชื่อมกับโครงสร้างอำนาจท้องถิ่น เช่น เทศบาล เป็นเรื่องจำเป็น เพราะหน่วยงานภาคประชาสังคมไม่ใช่ผู้เล่นหลักของระบบ การทำงานจึงต้องรู้ว่าภาครัฐขยับอย่างไร มีช่องว่างตรงไหนที่ประชาชนเข้าไปเติมได้ และต้องหลีกเลี่ยงการตีความเองโดยไม่มีข้อมูลจริง
ลงมือทำจริง ไม่ใช่แค่ประชุม
สมบัติ ยังชี้ว่า การสร้างปฏิบัติการภาคประชาชนแบบเป็นรูปธรรม เป็นหัวใจสำคัญ ไม่ใช่เพียงประชุมหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ต้องลงมือทำจริง เช่น การรวมตัวอาสาสมัครล้างบ้าน การใช้รถกระบะขนถังน้ำ การใช้มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารจากครัวกลาง หรือการหาเพื่อน–คนรู้จักมาช่วยเป็นกำลังเสริม ให้ทุกบทสนทนาขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้ทันที
พร้อมเน้นย้ำว่า การวิเคราะห์สถานการณ์ต้องมีเป้าหมายเดียวคือ หาทางตอบโต้สถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ การรู้ข้อเท็จจริงปัจจุบันจึงสำคัญที่สุด เพราะจะทำให้สามารถจัดวางทีมและทรัพยากรได้อย่างถูกต้อง โดยไม่หลงทางในข้อมูลที่ไม่จำเป็น
ไม่มีโลกสวย! ต้องแมตช์ความต้องการจริง
สอดคล้องกับ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา บอกว่า แม้จะทำงานด้านการแพทย์และรู้จักพื้นที่ภาคใต้อย่างลึกซึ้ง แต่ขณะเดียวกันก็ทำงานภาคประชาชนด้านการจัดการภัยพิบัติมาอย่างต่อเนื่อง การร่วมเวทีวันนี้จึงถือเป็นบทบาทสำคัญ เพราะหาดใหญ่คือบ้านเกิด ผ่านประสบการณ์น้ำท่วมมาทุกยุคทุกสมัย ทำให้เข้าใจพื้นที่และเห็นภาพความยากลำบากของชุมชนได้อย่างชัดเจน

เวที War Room ภาคประชาชน วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการฟื้นฟูที่เป็นระบบ ประเด็นสำคัญคือการออกแบบระบบบริหารจัดการให้ทรัพยากร อาสาสมัคร และความต้องการของชุมชน เชื่อมเข้าหากันได้จริง
“ในสถานการณ์ภัยพิบัติ ไม่มีโลกสวย ในความเป็นจริงเรามีอาสาสมัครที่อยากช่วย แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยตรงไหน มีทรัพยากรจากกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นส่งมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะลงจุดไหน ขณะที่ชุมชนมีความต้องการหลากหลายและต่างระดับ บางพื้นที่น้ำลดแล้ว ต้องการทีมล้างบ้าน บางแห่งต้องซ่อมมอเตอร์ไซค์ บางครอบครัวมีผู้ป่วยติดเตียงที่ยังรอความช่วยเหลือ และบางกลุ่มต้องการฟื้นอาชีพ เช่น การขายอาหารหลังบ้านเรือนเสียหาย”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
นพ.สุภัทร ย้ำถึงโจทย์สำคัญ คือจะทำอย่างไรให้ความต้องการ 3–4 กลุ่มเหล่านี้ แมตช์ กับทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อจัดระบบให้การช่วยเหลือตรงจุดที่สุด
ท้าทายกว่าโควิด ความต้องการแตกแขนง
นพ.สุภัทร ยังเปรียบเทียบกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า โควิดง่ายกว่า เพราะความต้องการชัดเจน ตรวจ ATK ถ้าผลเป็นบวกก็ให้ยา และต้องการเพียงวัคซีน แต่สถานการณ์น้ำท่วมมีความต้องการที่แตกแขนง ไม่ว่าจะเป็น
- ทีมล้างบ้าน (มีน้ำ–ไม่มีน้ำ / มีน้ำแต่ไม่มีแรงล้าง)
- ยาและการดูแลผู้ป่วยติดเตียง อาหารพิเศษ ยาฉีดอินซูลิน
- การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์
- การซ่อมบ้าน
- ของใช้พื้นฐานหลังกลับบ้าน เช่น ที่นอน หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ จานชาม ข้าวสาร เพื่อให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
“เรากำลังพยายามจัดเซตฟื้นฟูเหล่านี้ในพื้นที่หาดใหญ่ให้เกิดขึ้นจริง”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ

พัฒนาแพลตฟอร์ม เชื่อมอาสา-ทรัพยากร-ผู้ประสบภัย
ในส่วนของการวางระบบทำงานร่วมกันกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ที่สนใจใช้เทคโนโลยี นพ.สุภัทร ยังระบุว่า วันนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแต่มีแนวทางชัดเจนว่า War Room ภาคประชาชน จะทำงานต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ พร้อมเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อจัดการข้อมูลและจับคู่ความต้องการ-ทรัพยากรให้แม่นยำขึ้น
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้แล้ว ได้แก่
- ระบบลงทะเบียนขอความช่วยเหลือรายบุคคลของ มูลนิธิกระจกเงา
- Google Sheet สำหรับลงทะเบียนอาสาสมัคร ซึ่ง FM88 จะช่วยประชาสัมพันธ์
- แพลตฟอร์มบริจาคของกลุ่มนักธุรกิจรายใหญ่ที่เตรียมระดมสิ่งของเครื่องใช้ลงพื้นที่
นพ.สุภัทร ยังยอมรับว่า การแมตช์ความต้องการกับทรัพยากรเป็นเรื่องท้าทาย แต่พื้นที่ปฏิบัติการของภาคประชาชนพร้อมลงงานทันที ไม่ต้องรอ เพราะชาวบ้านจำนวนมากยังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“พื้นที่คนจนเมืองในหาดใหญ่พร้อมมาก ทั้งพร้อมรับความช่วยเหลือ และพร้อมลุกขึ้นช่วยเหลือกันเอง นั่นคือพลังของชุมชน”
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
ขณะที่ ณาตยา แวววีรคุปต์ ผอ.ศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ ไทยพีบีเอส ย้ำว่า ภารกิจของกองอำนวยการภาคประชาชนส่วนหน้าที่ร่วมกันตั้งขึ้นนี้จะนำไปสู่ข้อสรุปและแนวทางการทำงานที่ชัดเจน เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่หาดใหญ่ที่ประสบภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายคือการ อุดช่องโหว่ ที่ภาครัฐอาจเข้าไม่ถึง และให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

โดยสรุปคือ มีการระดมความคิดและแบ่งกลุ่มงานเพื่อจัดการปัญหาสำคัญอย่างเป็นระบบ เช่น
- กลุ่มการจัดการขยะและการล้างบ้าน : เน้นปัญหาขยะที่เป็นเรื่องใหญ่มากในหาดใหญ่ โดยเฉพาะในซอยลึก มีแนวคิดใช้ กองทัพมด (ซาเล้ง/ระบบทอย) เพื่อนำขยะจากซอยเล็กออกสู่ถนนใหญ่ให้รัฐรับช่วงต่อ
- กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์ : ดูแลการขนส่งสิ่งของช่วยเหลือตั้งแต่ต้นทางจนถึงผู้ประสบภัย
- กลุ่มระบบสาธารณสุข : ดูแลทั้งสุขภาพกายและ สุขภาพจิต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีความเครียดสูง/ร้องไห้ มีแผนฝึกอบรมอาสาสมัครระยะสั้นเพื่อลงชุมชน
- กลุ่มคนเปราะบาง/คนจนเมือง : เน้นการช่วยเหลือกลุ่มคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง คนที่อยู่ท้ายซอย หรือผู้ที่ออกมาไหนไม่ได้เลย มีการยกตัวอย่างการเข้าไปช่วยเหลือคุณยายขายข้าวต้มมัดให้กลับมามีอาชีพ
สำหรับการแบ่งโซนปฏิบัติการและผู้รับผิดชอบ มีการแบ่งพื้นที่การทำงานออกเป็น 3 โซน เพื่อให้การกระจายอำนาจและการทำงานมีระบบมากขึ้น
- โซนที่ 1 ย่านถนนศรีภูวนาท เชื่อมต่อเทศบาลหาดใหญ่, เทศบาลควนลัง และเทศบาลคอหงส์ (คลองหวะ) คุณพิชญา มีคนจนย่านริมสถานีรถไฟมาก ถือเป็นโซนที่คับขัน
- โซนที่ 2 เขต 8 ถนนราษฎร์อุทิศตลอดสาย คุณรัชดี้ (ทีมจิตอาสาสงขลานครินทร์) ดูแลพื้นที่ถนนราษฎร์อุทิศ
- โซนหาดใหญ่ใน มุ่งเน้นพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติสูง อาจารย์ซากีร์ มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่มัสยิดควนสันติ ซ.41 ถ.เพชรเกษม
“War Room แห่งนี้จะเป็น ศูนย์บัญชาการส่วนหน้าของภาคประชาชน ที่คาดหวังจะดึงทุกเครือข่ายให้เข้ามาเป็นกระบวนการเดียวกัน โดยทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ ระดมทรัพยากร (คน, สิ่งของ, งบฯ, ความรู้) จากทั้งภายนอกและภายในพื้นที่ มาสร้างระบบการจัดการร่วมกัน”
ณาตยา แวววีรคุปต์





