‘ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ พร้อมทีมบริหารฯ รับฟังเสียงจากสภาคนเมืองรุ่นใหม่ นำเสนอนโยบายพัฒนาเมือง ครอบคลุมมิติการแก้ปัญหาคนไร้บ้าน-ดูแลสัตว์จรจัด-เปิดพื้นที่สาธารณะ-รักษาต้นไม้ใหญ่ ย้ำ “น้อง ๆ กล้าคิด กทม. กล้าทำให้”
วันนี้ (11 มิ.ย.66) กรุงเทพมหานคร เปิดสภาคนเมืองรุ่นใหม่ ครั้งที่ 2/2566 ให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมนำเสนอนโยบายเพื่อพัฒนาเมือง ณ สภากรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 โดยตัวแทนผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และองค์กรภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นโยบายสภาคนเมืองรุ่นใหม่เป็นนโยบายที่ 47 จากทั้งหมด 216 นโยบาย ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยปีนี้ได้เปิดสภามาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ด้วยแนวคิดว่าเมืองควรจะมีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้นำเสนอไอเดียของตัวเองกับผู้บริหารเมืองได้ และไม่ใช่แค่คุยกันในห้องประชุมแต่เป็นการเปิดสภาสาธารณะ สำหรับครั้งนี้มีทีมที่สมัครเข้ามาทั้งหมด 20 ทีม คัดเลือกเหลือ 4 ทีม ตามกระบวนการ และหวังว่าจะได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยจะจัดทุก ๆ 3 เดือน และมีผู้บริหารมารับฟังเพื่อนำไปดำเนินการต่อ
กทม. ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการสนับสนุนคณะกรรมการสภาพเมืองคนรุ่นใหม่ ทั้งหมด 7 คณะ (อยู่ระหว่างการแต่งตั้ง) ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสภาเมืองคนรุ่นใหม่ ระดับกลุ่มเขต ได้แก่ กรุงเทพฯ เหนือ, กรุงเทพฯ กลาง, กรุงเทพฯ ใต้, กรุงเทพฯ ตะวันออก, กรุงธนฯ เหนือ, กรุงธนฯ ใต้ และ คณะอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือกและติดตามกลุ่มคนรุ่นใหม่
โดยมีการแต่งตั้งหัวหน้าทีมของคณะทำงานแต่ละกลุ่มเขต เชื่อมโยงกันกับศูนย์เยาวชนที่ต่างๆ อิงตามพื้นที่ คือ กรุงเทพฯ – ศูนย์เยาวชนจตุจักร กรุงเทพฯ กลาง – ศูนย์เยาวชนเกียกกาย กรุงเทพฯ ใต้ – ศูนย์เยาวชนคลองเตย กรุงเทพฯ ตะวันออก – ศูนย์เยาวชนลาดกระบัง กรุงธนฯ เหนือ – ศูนย์เยาวชนบางกอกใหญ่ กรุงธนฯ ใต้ – ศูนย์เยาวชนบางขุนเทียน และในแต่ละกลุ่มเขตยังทำงานเชื่อมกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ สภาเด็กและเยาวชนกลุ่มเขต
กระบวนการทำงานที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ 1 volunteer สร้างเครือข่ายอาสาสมัครให้สมาชิกคนรุ่นใหม่ได้เป็นอาสาในการร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อเป็นโอกาสได้คนหาประเด็นปัญหาของเมืองที่สนใจ ระดับ 2 Upskill จัดเวิร์คช็อปพัฒนาศักยภาพและทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับสมาชิกสภาเด็กเขตและสภาเมืองคนรุ่นใหม่ ระดับ 3 Incubate จัดกระบวนการเตรียมความพร้อม และเปิดพื้นที่ทดลองโครงการตามประเด็นที่สนใจพร้อมงบประมาณสนับสนุน
เมืองสีรุ้ง เมืองที่ปลอดภัย สำหรับเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ
สำหรับวาระพูดคุยพิเศษจาก ทีมนฤมิตไพรด์ เครือข่ายเยาวชนกับความหลากหลายทางเพศ ด้วยแนวคิดเมืองสีรุ้ง หรือเมืองที่โอบกอด และปลอดภัยของเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดย ตัวแทนนักกิจกรรมเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ ทูตนฤมิตรไพรด์ สะท้อนปัญหาและคุณภาพชีวิตของเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ ว่า มีปัญหาสุขภาพจิต เครียดบ่อย 44.2% เคยถูกคุกคาม ถูกด่าทอ บูลลี่ 42.5% มีความขัดแย้งกับครอบครัว เรื่องความคิดการใช้ชีวิต 15% ขัดแย้งทางความคิดเรื่องสังคม-การเมือง 16.4%
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย คือ
- งบประมาณเพื่อคุณภาพชีวิตของเยาวชนเพศหลากหลาย สนับสนุนกิจกรรมและเสรีภาพการแสดงออก ต้องการพื้นที่แสดงตัวตนให้เห็นว่าทุกคนโอบรับเรา
- งบประมาณเพื่อสนับสนุนศักยภาพ และความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนเพศหลากหลาย
- บทบาทและตำแหน่งเพื่อเยาวชนเพศหลากหลายและแนะแนวบุคลากรด้วยกันเอง เช่น บุคลาการทางการแพทย์ในคลินิคสุขภาพทางเพศ บุคลากรเกี่ยวกับสุขภาพจิต นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์วัยรุ่น เพื่อทำให้เยาวชนได้รับรู้ว่าได้รับความใส่ใจ
- พื้นที่โอบกอดและปลอดภัยสำหรับเยาวชนเพศหลากหลาย ทั้งพื้นที่ในสถานศึกษา และพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้องน้ำ ถนน ภูมิทัศน์ ฯลฯ
- คุณค่า วิสัยทัศน์ กฎระเบียบที่สะท้อนการเคารพความแตกต่างหลากหลาย เช่น สัญญาประชาคมของหน่วยงานต่างๆ ลงในข้อกำหนด กฎระเบียบ คุณค่า และวิสัยทัศน์
- ยุติความรุนแรง สร้างกฎหมายที่เป็นธรรมต่อเยาวชนเพศหลากหลาย เช่น พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ มาตรา 8 มีการกำหนดเงื่อนไขว่า อายุ 7 ขวบ ต้องเข้าใจวัฒนธรรมไทย ต้องถูกพิจารณาใหม่ และสนับสนุนกฎหมายเงื่อนไขการเข้ารับบริการยืนยันเพศหรืเทคฮอร์ฌมนสำหรับเยาวชนเพศหลากหลาย
เดินหน้าแก้ปัญหาคนไร้บ้าน
สำหรับการนำเสนอนโยบาย ทีมที่ 1 นโยบายที่พักพิงชั่วคราวทางการแพทย์สำหรับคนไร้บ้าน โดย ทีมสุขภาวะข้างถนน พบว่าปัญหาของคนไร้บ้านมีหลายประการ ทั้งความยากจนความไม่มั่นคงในอาชีพ ถูกเอาเปรียบจากการจ้างงาน ขาดรายได้จากปัญหาทางสุขภาพ ขาดการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และสิทธิการรักษาพยาบาล ปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพจิต และขาดระบบเชื่อมโยงการดูแล สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย คือ
- ให้กรุงเทพมหานครจัดหาสถานที่รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องสำหรับให้บริการที่พักพิงทางการแพทย์ โดยเสนอให้จัดสรรพื้นที่ภายในบ้านพักฉุกเฉินที่มีแผนกลับมาดำเนินการ
- ให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนให้ภาคประชาสังคมหรือภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมดำเนินการบ้านพักพิงชั่วคราวทางการแพทย์ที่ กทม.จัดให้ หรือสถานที่อื่นที่จัดหาได้
- ให้กรุงเทพมหานครสนับสนุนการฟื้นฟูคนไร้บ้านในประเด็นเชิงสังคม เช่น การคืนสิทธิทางทะเบียนการจัดหา หรือการจัดการที่อยู่อาศัยระยะยาว
- ให้กรุงเทพมหานคร สปสช. สสส. จัดสรรงบประมานจากกองทุนต่างๆ ให้กับทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้บริการบ้านพักพิงชั่วคราวทางการแพทย์
- ให้ สปสช. จัดให้บริการบ้านพักพิงชั่วคราวทางการแพทย์เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์เฉพาะสำหรับคนไร้บ้านในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
โดยคาดว่าภาพฝันที่เกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าว จะช่วยลดจำนวนวันนอนโรงพยาบาลได้ 2 วัน ลดการเข้าใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน 45% และทุกการลงทุนได้ผลตอบแทน
‘Pettinee’ แพลตฟอร์ม ดูแลสัตว์จรจัดในเมือง
ทีมที่ 2 นโยบายแพลตฟอร์มปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ โดย ทีม Pettinee ให้ข้อมูลว่าประชากรสุนัขจรจัดที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ปี 2559 พบ 721,879 ตัว ซึ่งคาดว่าในปัจจุบันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพราะสุนัขเพศเพศเมียสามารถออกลูกได้ครั้งละ 6-7 ตัว สถิติการเกิดโรค ปัญหาสุนัขจรจัดเกี่ยวข้องกับสาธารณสุขประชาชนเพราะ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า สัปดาห์ละ 2 คน และมีผู้ติดเชื้อใหม่ สัปดาห์ละ 2 คน เช่นกัน
โดยนำเสนอเทคโนโลยีแก้ปัญหาด้วย แพลตฟอร์ม Pettinee ปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ 24 ชั่วโมง สมุดบันทึกวัคซีน เปรียบเสมือนบัตรประชาชนของสัตว์เลี้ยง มีใบรับรองการฉีดวัคซีน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 10,000 คน และปลอกคออัจฉริยะสำหรับสัตว์สุนัขและแมว ที่สามารถเก็บข้อมูลสัตว์เลี้ยงจากฐานข้อมูลออนไลน์ได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถสแกนข้อมูลได้ หากทำได้กับสัตว์จรจัดก็จะเป็นข้อมูลสำคัญและช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับสัตว์จรจัดด้วย โครงการเหล่านี้ไม่อาจสำเร็จได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Pettinee มีสัตวแพทย์ 7 คน สามารถช่วยฉีดยากันพิษสุนัขแพ้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขจร และเก็บข้อมูลในระบบดิจิทัล โดยตั้งเป้าทำให้ได้ 99% ของสัตว์เลี้ยงมีเจ้าของ และสำรวจสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาสามารถเข้ามาปรึกษาทางการแพทย์ได้ โดยเราจะเปิดรับอาสาสมัครสัตวแพทย์เข้ามาร่วมช่วยเหลือ พร้อม ๆ กับการพัฒนาฟังก์ชันแอปพลิเคชันปรึกษาหมอ และการส่งต่อสัตว์เลี้ยงที่ป่วยไปยังสถานพยาบาล และทำให้ กทม.เป็นเสาหลักในการทำสัมโนวัคซีนสัตว์เลี้ยง บัตรประกันสังคมสัตว์เลี้ยง ช่วยลดจำนวนสัตว์จรจัดในกรุงเทพฯ 5% และลดโรคระบาดในสัตว์เลี้ยงได้ 50%
พื้นที่สร้างสรรค์ใกล้บ้าน
ทีมที่ 3 นโยบายพื้นที่แสดงออกสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ 15 นาทีใกล้บ้าน โดย ทีม Urban Street Bangkok เก็บข้อมูลการออกแบบพื้นที่สาธารณะ-เอกชนเพื่อการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ของเมือง โดยพบว่า ผู้คนต้องการพื้นที่สร้างสรรค์ใกล้บ้านทุกคน ให้ทุกคนเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างสะดวก เมืองที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงทรัพยากรของภาครัฐอย่างเป็นธรรม และภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ได้ร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเมืองได้อย่างเป็นระบบ สร้างรัฐสวัสดิการทางจิตวิญญาณ ให้เมืองเป็นแรงบันดาลใจได้ในทุกวัน
ปัญหาปัจจุบันคือ เส้นเลือดฝอย หรือคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ชื่นชอบในศิลปะ ต้องการพื้นที่แสดงออกถึงความสามารถสร้างสรรค์ แต่เข้าไม่ถึงโอกาส เข้าไม่ถึงพื้นที่ และทรัพยากรที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จากภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งเรื่องของพื้นที่ ความรู้ แหล่งทุน ทรัพยากร ขาดโอกาสในการเสนอแนวทางแก้ไขข้อจำกัด และไม่มีแผนพัฒนาของภาคส่วนต่างๆ ที่เพียงพอ สุดท้ายคือ ติดข้อจำกัด เช่น พื้นที่สาธารณะหลายที่ในฤดูฝนต้องงดจัดกิจกรรม การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ทำให้ความสุขไม่สามารถเกิดได้ในทุกวันธรรมดา โดยมีข้อเสนอดังนี้
- เพิ่มพื้นที่เรียนรู้และการแสดงออกสร้างสรรค์ของเมือง 150 ที่ ใน 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ โดยใช้พื้นที่และทำงานร่วมกับภาคเอกชน ห้องสรรพสินค้า โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงละคร
- เสริมโครงสร้างการบริหารงานให้แข็งแรง ยั่งยืน คล่องตัว ด้วยรูปแบบ BKK Youth Art Council คือสภาศิลปะของคนรุ่นใหม่ โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยตรง ให้ทีมงานคนรุ่นใหม่ได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ
- เพิ่มความสุข ลดการกระจุดตัวของอีเว้นต์ ศิลปะปลายปี ด้วยโครงการนักแสดงออกสร้างสรรค์ประจำพื้นถิ่น สนับสนุนให้ทุกเขจมีเจ้าภาพ และศิลปะพื้นถิ่นของชุมชน ที่จะดูแล และพัฒนางานในพื้นที่ตนเอง
- ช่วยประชาชนเข้าถึงข้อมูลและรัฐสวัสดิการด้านศิลปะ ด้วยการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จรวมศูนย์ โดยมีวิธีลดขั้นตอนงานราชการและนำเสนอนฌยบายใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว เช่น คูปองการเรียนรู้สิทธิเข้าถึงสวัสดิการด้านศิลปะ
ตั้งกองทุนดูแลรักษาต้นไม้
ทีมที่ 4 นโยบายกองทุนเพื่อไม้ยืนต้นสาธารณะกรุงเทพฯ (Bangkok Tree Fund) โดย ทีม GreenDot. สะท้อนว่า ในอนาคตจะมีต้นไม้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นความท้าทายว่าจะต้องมีงบประมาณและกระบวนการดูแลต้นไม้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการโค่นล้มและสร้างความเสียหายให้กับทรัพสินและชีวิต สุดท้ายคือความยั่งยืน เพื่อให้ต้นไม่เติบโตไปกับเมือง จึงเสนอนโยบายดังนี้
กองทุนต้นไม้ยืนต้นสาธารณะกรุงเทพฯ กองทุนจากภาคประชาชนเพื่อก้าวข้ามทุกความท้าทายสู่การเป็นเมืองสีเขียวที่ยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนสามารถแจ้งเรื่องได้หากพบปัญหาเกี่ยวกับต้นไม้ หรืออยากเพิ่มพื้นที่สีเขียวแต่ยังไม่มีทุนเพียงพอ สำหรับกองทุนนี้ไม่มีนโยบายการสนับสนุนโดยเงินสดแต่จะเป็นรูปแบบบริหาร เช่น การประเมิน จัดการต้นไม้ ประชาชนกรุงเทพฯ สามารถขอรับทุนได้เพื่อรักษาดูแลต้นไม้สาธารณะ
กลไกหนึ่งของนโยบายนี้ คือการเป็นกองทุนเพื่อขยายโอกาสรายได้ให้ชาวกรุงเทพฯ สู่อาชีพ ‘นักสำรวจเมืองสีเขียวอิสระ’ โดยทำหน้าที่ขึ้นทะเบียนต้นไม้สาธารณะ อัปเดตข้อมูลต้นไม้สาธารณะ สอดส่องและแจ้งปัญหาต้นไม้สาธารณะ ประเมินความเสี่ยงของต้นไม้สาธารณะ ให้เป็นอาชีพอิสระที่ทุกคนสามารถทำได้หลังการอบรมความรู้เบื้องต้นจากทีม โดยรายได้สนราคา 3 บาทต่อการเก็บข้อมูลต้นไม้ 1 ต้น (ใช้เวลาปฏิบัติงาน 5 นาทีต่อ 1 ต้น)
สิ่งที่อยากให้ กทม. ทำคือ 1. รับพิจารณาแบบร่างนโยบายกองทุนเพื่อไม้ยืนต้นฯ และหารือปรับปรุงนโยบายร่วมกันเพื่อทำให้นโยบายนี้เกิดขึ้นจริงอย่างมีส่วนร่วมกับทุกฝ่าย 2. อนุญาตสิทธิ์ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมเมืองบนพื้นที่เป้าหมาย และ 3. ใช้สิทธิ์ชั่วคราว ทีมรุกขกรเอกชนและนักสำรวจเมืองสีเขียวอิสระ เข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการตามข้อเสนอโครงการที่ได้รับการอนุมัติ
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาการรับฟังคนรุ่นใหม่อาจจะน้อย แต่เมื่อต้องส่งต่อเมืองนี้ให้คนรุ่นใหม่ จึงต้องร่วมกับแก้ปัญหา มองทางออกร่วมกัน เพราะเมืองนี้ไม่ได้มีเพื่อคนแก่ แต่ต้องช่วยกันทำและรักเมืองนี้ต่อไป ต้องทำทั้งเรื่องหมาแมวเพราะมีจำนวนมากในกรุงเทพมหานคร เรื่องคนไร้บ้านก็ต้องร่วมพัฒนาศักยภาพคืนให้เขากลับไปเป็นคนมีอาชีพ เรื่องพื้นที่สาธารณะก็ต้องขยายเพราะศิลปะดี ๆ ควรมีพื้นที่ได้แสดง เรื่องต้นไม้ก็เรื่องใหญ่ว่าเราพยายามปลูกต้นไม้กันแล้วต่อไปใครจะดูแล
“ขอบคุณน้อง ๆ ที่ช่วยกันนำเสนอนโยบาย สิ่งสำคัญคือจะต่ออย่างไร หลังจากนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกคน ให้น้อง ๆ กล้าคิด กทม. กล้าทำให้”
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์