‘กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด’ หวั่นบริษัทเอกชนฟอกเขียว ซ้ำเติมชาวบ้าน ซ้ำรอยสามเหลี่ยมลิเทียมอเมริกาใต้
วันนี้ (23 ม.ค. 68) นักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ประกาศเตรียมชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพมหานคร หลัง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ให้ใบอนุญาตเหมืองโปแตชขุดเจาะอุโมงค์แนวดิ่ง โดยใช้ระเบิดในพื้นที่ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา สำหรับการประกาศเคลื่อนไหวครั้งนี้ เพื่อหยุดเหมืองแร่โปแตช ที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดอ้างว่า บริษัท บางจาก มีหุ้นส่วนอยู่
จุฑามาศ ศรีหัตถผดุงกิจ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ บอกว่า กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ขณะนี้กำลังต่อสู้คัดค้าน เหมืองโปแตชของบริษัท ไทยคาลิ ที่เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อพื้นดิน แหล่งน้ำ โดยเฉพาะแหล่งน้ำใต้ดิน ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ขณะเดียวกันบริษัทกำลังได้รับอนุญาตให้ขุดอุโมงค์ใหม่ ด้วยการใช้ระเบิดสู่ใจกลางชุมชน
“ทางกลุ่มจึงมีความจำเป็นที่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ยุติการทำเหมืองที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคนในชุมชน”
จุฑามาศ ศรีหัตถดุงกิจ
อนุสรา ปราณีตพลกลัง นักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เป็นตัวแทนกลุ่มอ่านแถลงการณ์ โดยใจความสำคัญ ระบุว่า การที่บางจากกลับมาซื้อหุ้น เหมืองโปแตชด่านขุนทดของบริษัท ไทยคาลิ ถือเป็นการซื้อหุ้นแบบครอบครองกิจการ โดยซื้อไปกว่า 660 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 65 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ราคากว่า 3,300 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ราคาแร่โปแตชในขณะที่ซื้อเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็ลดต่ำลงมาอยู่ที่ประมาณ 355 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
“การเข้ามาถือหุ้นแบบครอบครองกิจการในไทยคาลิก็จะทำให้บางจาก ได้เกลือชนิดโซเดียมคลอไรด์เป็นผลพลอยได้จำนวนมหาศาลซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ นี่คือเหตุผลเบื้องหลังในการซื้อหุ้นโปแตชไทยคาลิเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยไม่สนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์ธุรกิจสีเขียวอีกต่อไป”
หวั่น ‘ด่านขุนทด’ อาจซ้ำรอยสามเหลี่ยมลิเทียมอเมริกาใต้
นอกจากนี้ในกรณีสามเหลี่ยมลิเทียม อาณาเขตรอยต่อ 3 ประเทศ คือ โบลิเวีย, ชิลี และ อาร์เจนตินา อันเป็นที่ตั้งเหมืองลิเทียม Cauchari Olaroz ซึ่งกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด อ้างว่า มีความเชื่อมโยงกับบริษัท บางจาก
โดยบริเวณนี้ถือเป็นที่ราบเกลือที่มีแร่ลิเทียมสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก โดยสกัดแร่ลิเทียมจากน้ำเกลือ เริ่มจากสูบน้ำเกลือที่มีแร่ลิเทียมละลายอยู่ขึ้นมาบนดิน พักไว้ในบ่อขนาดใหญ่คล้าย ๆ การสูบน้ำเกลือใต้ดินขึ้นมาตากในนาข้าวทางภาคอีสานเพื่อปล่อยให้แสงอาทิตย์ระเหยน้ำออก จึงทำการแยกแร่ลิเทียมออกจากแร่อื่น ๆ เพื่อนำไปผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งก่อผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและสุขภาพ เพราะทำให้ระบบน้ำใต้ดินที่สัมพันธ์กับระบบน้ำผิวดินรวน ส่งผลให้แหล่งน้ำจืด และน้ำเกลือที่ชนพื้นเมืองหลายกลุ่มใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมลดลง เกิดความแห้งแล้ง ผืนดินเกิดการปนเปื้อนจากเกลือที่มีความเค็ม และแร่โลหะหนักที่เป็นอันตราย
ทั้งนี้ ในเนื้อหาของการประกาศชุมนุม ระบุว่า การทำเหมืองโปแตชไทยคาลิ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้ก่อผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้คนในทุก ๆ ด้าน ดังนั้น การที่บริษัทตัดสินใจหวนกลับมาซื้อหุ้นเหมืองโปแตชอีกครั้งในบริษัทไทยคาลิ ย่อมเป็นการซ้ำเติมผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนยิ่งเลวร้าย จึงขอเรียกร้องให้บริษัทดังกล่าว ถอนหุ้นเหมืองโปแตชไทยคาลิทั้งหมดทันที
โดยกลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทดประกาศ ว่า จะเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนสู่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ในวันที่ 27 ม.ค. นี้ เพื่อให้หยุดยั้งกระบวนการเดินหน้าเหมืองโปแตชบางจาก หยุดยั้งระเบิดลูกแรกเพื่อเจาะอุโมงค์แนวดิ่งใหม่ใจกลางชุมชน หยุดยั้งโครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้คน