ชาวด่านขุนทด เข้ากรุง ปักหลักยาว ร้องยุติ ‘เหมืองโปแตช’

ชาวบ้านผิดหวัง ชุมนุมหน้ากระทรวงอุตสาหกรรม วันที่ 2 ยังไร้วี่แววเจรจา! กพร.เมินข้อเรียกร้อง หยุดเหมืองโปแตช อ้าง ทำดินเค็มกว่า 80% ทำลายที่ดินทำกิน ร้อง ‘ประกันสังคม’ ถอนลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (28 ม.ค. 68) การชุมนุมของ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ยังคงดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 บริเวณหน้ากระทรวงอุตสาหกรรม หลังจากผิดหวังกับการตอบสนองจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ที่ไม่สามารถยุติการออกใบอนุญาตให้ บจก.ไทยคาลิ ทำเหมืองโปแตชในพื้นที่ได้ ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่า เหมืองแห่งนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นที่แปลงเกษตรรอบเหมืองถูกแปรสภาพเป็น ดินเค็ม จนเกษตรกรไม่สามารถปลูกข้าวได้

กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทดนำผืนดินจากท้องนาที่กลายสภาพเป็นผลึกเค็ม
มาแสดงให้เห็นด้านหน้ากระทรวงอุตสาหกรรม

โดยสถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ บริษัท บางจาก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บจก.ไทยคาลิ ได้เข้ามาขุดเจาะอุโมงค์เหมืองโปแตช โดยมีการเตรียมการที่จะใช้ระเบิดเปิดอุโมงค์เหมืองบริเวณใจกลางชุมชนซึ่งอาจสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคนในพื้นที่ และเป็นสาเหตุที่ชาวบ้านเดินทางมากรุงเทพฯ​ เพื่อคัดค้านการกระทำดังกล่าว พร้อมขนหน้าดินที่กลายเป็นผลึกเกลือมาเทให้เห็นบริเวณด้านหน้าของกระทรวงอุตสาหกรรม

ย้อนปมเหมืองโปแตช รอยระแหงในดินเค็ม

การทำเหมืองโปแตชใน ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยเกษตรกรหลายราย ระบุว่า การดำเนินการของเหมืองทำให้ดินและน้ำในพื้นที่มีความเค็มเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้เหมือนเดิม หลายพื้นที่ที่เคยปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์กลายเป็นผืนดินแห้งแล้ง มีเพียงผลึกเกลือปกคลุม ขณะที่ปศุสัตว์ก็ขาดแหล่งหญ้าเลี้ยงสัตว์จนต้องย้ายไปในพื้นที่ไกล

อย่างไรก็ตาม บจก.ไทยคาลิ ผู้ได้ประทานบัตรทำเหมือง ยืนยันว่า ความเค็มในพื้นที่เกิดจากธรรมชาติเดิมของดิน และการดำเนินการของเหมืองเป็นระบบปิด ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำนองเดียวกับข้อมูลจาก กพร. ที่เน้นย้ำว่า กระบวนการกำกับดูแลบริษัทได้ประทานบัตรทำเหมือง ไม่มีการลักไก่หรือลัดขั้นตอนใด ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อท้องถิ่นตามมา

ทั้งนี้ เกษตรกร และนักเคลื่อนไหวในพื้นที่แสดงความเห็นตรงกันข้าม โดยชี้ว่า ปัญหาเริ่มรุนแรงตั้งแต่เหมืองเริ่มดำเนินการในปี 2562 และส่งผลกระทบกว่า 80% ของพื้นที่ ต.หนองไทร และหากเหมืองอีก 2 แห่งที่ได้สัมปทานเริ่มเดินสายพานแร่ ตามนโยบายเร่งผลักดันการผลิตโปแตชเพื่อลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีของอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะยิ่งสร้างความกังวลให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีมาตรการชัดเจนที่จะแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างยั่งยืน

ระเบิดเหมืองรอบใหม่ ชาวบ้านหวั่นซ้ำรอยเดิม

บัวผัน ศรีทอง นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบ ระบุว่า การที่มาเรียกร้องชุมนุมกันที่กระทรวงอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นผู้เสียหายตัวจริง เหมืองโปแตชของไทยคาลิได้สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นกับที่ไร่ที่นา แต่บริษัทยังไม่มีมาตรการรับผิดชอบต่อผลกระทบที่ผ่านมา แม้ว่าคณะกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัดจะอยู่ระหว่างการดำเนินการ แต่กลับมีความเคลื่อนไหวอนุญาตให้ใช้ระเบิดเพื่อขุดเจาะเหมืองเพิ่มเติม ซึ่งสร้างความไม่พอใจและกังวลต่อผลกระทบใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

กลุ่มผู้ชุมนุมยังแสดงความผิดหวังต่อผลการเจรจา 2 รอบที่ผ่านมานับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (27 ม.ค. 68) เนื่องจากข้อเรียกร้องที่ให้ กพร. ยุติการออกใบอนุญาตให้บริษัทไทยคาลิ ใช้ระเบิดอุโมงค์เปิดเหมืองโปแตชรอบใหม่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง โดย กพร. ได้โอนเรื่องไปให้สำนักงานจังหวัดที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้พิจารณา

ขณะที่ จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ปรึกษากลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยืนยันว่า การดำเนินการใด ๆ ควรรอผลการพิจารณาผลกระทบจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นก่อน แต่ กพร. กลับมีทีท่าเร่งรัดกระบวนการและอนุมัติใบอนุญาตให้ดำเนินการระเบิดเหมืองรอบใหม่ ทั้งที่ยังไม่มีการศึกษาและประเมินผลกระทบอย่างครบถ้วน หาก กพร. ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม

ยื่น ‘บอร์ดประกันสังคม’ ถอนการลงทุน ‘บางจาก’
ย้ำหลักธรรมาภิบาล

จงดี มินขุนทด นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด บอกว่า วันนี้ตัวแทนได้เดินทางไปยัง สำนักงานประกันสังคม เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้บอร์ดประกันสังคมตรวจสอบธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบของบางจากซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ไทยคาลิ ในฐานะที่สำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับต้น ๆ โดยถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 15% ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่บางจากต้องดำเนินธุรกิจตามหลักสิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาล และความยั่งยืน (Sustainability) ตามหลักการของสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้บริษัทถอนการลงทุนในไทยคาลิ จำกัด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค. 68) ทางกลุ่มผู้ชุมนุมฯ เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้า จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง และชี้แจงถึงผลกระทบจากเหมืองแร่โปแตช ที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของชุมชน พร้อมทั้งตั้งคำถามต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของบางจากที่อ้างว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่กลับสนับสนุนโครงการที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง

ขณะที่ช่วงบ่าย กลุ่มผู้ชุมนุมฯ จะเดินทางไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัท บางจากในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมกดดันให้บริษัทถอนการลงทุนใน บริษัท ไทยคาลิ จำกัด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายทางสังคมและลดความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ขององค์กร

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active