หวัง กมธ.วุฒิสภา ยกเลิกแก้ ม.69 กฎหมายประมง

ประมงพื้นบ้าน พร้อมยื่น 1.3 หมื่นรายชื่อคัดค้าน ม.69 หวั่นเปิดทางใช้อวนตาถี่ จับปลากะตักกลางคืน ตัดวงจรสัตว์วัยอ่อนชนิดอื่น ทำลายทรัพยากรในทะเล ฝั่ง ประมงพาณิชย์ ย้ำ จำเป็นต้องแก้ ม.69 ขอทุกฝ่ายอย่ากังวล เชื่อมีกฎหมายลูกเปิดช่องควบคุมอยู่ ขณะที่ กมธ. เล็งพิสูจน์ความจริง ใช้อวนตาถี่ส่งผลกระทบแค่ไหน

วันนี้ (7 ก.พ. 68) ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตัวแทนเครือข่ายประมงพื้นบ้านจาก 22 จังหวัดชายฝั่งทะเล มาปักหลักชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา เพื่อให้กำลังใจ ตัวแทน คือ ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย, วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ที่จะเข้าชี้แจงต่อที่ ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 วุฒิสภาวันนี้

“จริง ๆ ก็กังวลกับมติหรือผลโหวต แต่เราก็เชื่อว่า ทุกอย่างต้องวัดด้วยข้อเท็จจริง ถึงที่สุดถ้าไม่เป็นตามที่เราเรียกร้อง เราไม่ยอม ก็ไม่มีทางจบแต่นอน เราก็จะชวน สว.ทั้งคณะ ไปดูพื้นที่จริงเลย อย่าพูดแค่ไหนสภาฯ แต่เราหวังว่า สว.จะเชื่อข้อมูลข้อเท็จจริง”

วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี

เพื่อยืนยันข้อมูลหลักการในการคัดค้าน มาตรา 69 ที่อนุญาตให้ใช้อวนล้อมตาถี่จับปลากะตักในเวลากลางคืน ที่จะส่งผลให้เกิดการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนชนิดอื่น ตัดวงจรและทำลายทรัพยากรทางทะเลโดยภาพรวม ทั้งนี้แม้ผู้เข้าชี้แจงแต่ละฝ่ายจะเท่ากัน แต่ต้องใช้ผลโหวตของกรรมธิการ ซึ่งคาดหวังว่า จะพิจารณาและโหวตอยู่บนหลักการข้อมูลที่เป็นจริงและข้อมูลทางวิชาการที่ยืนยันในผลกระทบ

การประชุมวันนี้ยังมีตัวแทนประมงพานิชย์ และเครือข่ายที่ทำงานด้านทรัพยากรทางทะเลอีก 4 คน  คือ เรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน / รศ.กังวาลย์ จันทรโชติ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมอวนล้อมจับปลากะตัก, มงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมการประมงสมุทรสงคราม พร้อมด้วย มงคล มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงสมุทรสาคร

มงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย

โดย มงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ The Active ก่อนเข้าชี้แจงกรรมาธิการฯ ย้ำถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไขมาตรา 69 ขอให้สังคมอย่าเพิ่งเป็นกังวลว่าจะส่งผลกระทบ เพราะในมาตรา 69 เขียนไว้ชัดว่าให้ทำประมงอวนล้อมปลากระตักในเวลากลางคืน นอกเขตทะเลชายฝั่ง 12 ไมล์ทะเล หรือตามที่อธิบดีกรมประมง กำหนด จึงไม่ใช่ว่าเกิน 12 ไมล์ทะเล เท่านั้น บางแห่งเหมาะสมที่ 30-40 ไมล์ทะเลขึ้นไปก็ว่าตามความเหมาะสม ตามข้อมูลวิชาการ ซึ่งมีการเปิดช่องกฎหมายลูกป้องกันไว้อยู่แล้ว จึงไม่อยากให้กังวล หาข้อสรุปที่เหมาะสมร่วมกัน

“ทีนี้ประเด็นต้องมาพิจารณากันว่าพื้นที่ตรงนี้ ตรงไหนเหมาะสมที่จะอนุญาต สมมุติว่า 30 – 40 ไมล์ อนุญาตให้ปั่นไฟ แต่ 12 ไมล์เลยไม่มีทาง เพราะเราคุยเรื่องปั่นไฟอยู่แล้ว และเข้าใจตรงกัน แต่การไปสื่อต่อสังคมคิดว่า พอนอก 12 ไมล์ปั่นไฟได้เลย ยืนยันไม่ได้เลยนะ ไม่ใช่ทุกที่ อันดามันยิ่งไม่ได้เลยนะ”

มงคล สุขเจริญคณา

เช่นเดียวกับ รศ.กังวาลย์ บอกว่า ข้อมูลหลายประเทศมีการอนุญาตให้จับปลากะตักในเวลาการคืนได้ รวมถึงจะนำข้อมูลงานวิจัยที่เคยมีการศึกษาเมื่อปี 2553 ที่มีการทดลองใช้เรือประมงอวนล้อมปลากะตัก ซึ่งได้ผลว่า มีลูกปลาทู และปลาลัง ปนมาไม่เกิน 3% มาประกอบการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ด้วย

ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ผ่านมา ตัวแทนประมงพื้นบ้าน ได้ยื่นรายชื่อประชาชน 13,741 รายชื่อ ที่สนับสนุนแคมเปญรณรงค์ ยกเลิกการแก้ไข มาตรา 69 พ.ร.ก.การประมง อนุญาตให้ใช้อวนตาถี่และวิธีล้อมในเวลากลางคืน ผ่าน Change.org ต่อ ธวัช สุระบาล ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.การประมง ปี 2558 ด้วย

จากนั้น สมาชิกวุฒิสภา 5 คน ประกอบด้วย เศรณี อนิลบล, นิสิทธิ์ ปนกลิ่น, เทวฤทธิ์ มณีฉาย, ศุภโชค ศาลากิจ และ รศ.ประภาส ปิ่นตบแต่ง ในฐานะกรรมาธิการฯ ได้มาพบเครือข่ายประมงพื้นบ้าน พร้อมประกาศเคียงข้างผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนเป็นหลัก ย้ำจะพิจารณาบนหลักการข้อเท็จจริง ซึ่งตอนนี้พบว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่นำส่งมายังกรรมาธิการฯ ยังเป็นข้อมูลเก่า จึงต้องยึดการพิจารณาในการป้องกันทรัพยากรเอาไว้ก่อน และเห็นว่าจากนี้กรรมาธิการฯ จะต้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจความจริงในการใช้อวนล้อมจับปลาในเวลากลางคืนว่าส่งผลกระทบมากน้อยอย่างไร

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active