‘มหาดไทย’ สะดุด! ประชาชนรอเก้อ แก้ปมพิพาทที่ดิน จับตารัฐบาลยื้อไปต่อ ยิ่งต้องเร่งพิสูจน์ผลงาน

ภาคประชาชน จี้ หลังปรับ ครม. พรรคร่วมทุกพรรค เจ้าของเก้าอี้แต่ละกระทรวง ต้องกำหนดแผน นโยบาย เดินหน้าแก้ปัญหาประชาชนให้ชัด เพื่อฟื้นวิกฤตการเมือง ความเชื่อมั่น ย้ำการไปต่อที่ชอบธรรมของรัฐบาล ต้องวัดด้วยผลงานที่เป็นรูปธรรม

หากไม่มีปมความขัดแย้งแย่งชิงกระทรวงมหาดไทย และกรณีคลิปเสียงระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ฮุน เซน จนมีผลให้พรรคภูมิใจไทยต้องถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทรงศักดิ์ ทองศรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย และในฐานะประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดลงพื้นที่เพื่อติดตามตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่ดิน น.ส.ล.ออกผิดตำแหน่ง ทับชุมชนไทดำ บ้านทรัพย์ทวี ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งชาวบ้านไทดำ ได้เตรียมความพร้อม และตั้งความหวังต่อความคืบหน้าจากฝ่ายนโยบายในการแก้ไขปัญหา แต่ทุกอย่างต้องถูกยกเลิกทันที เมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน

ไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท ในฐานะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับ The Active ถึงกรณีปมปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ โดยชี้ว่า ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาประชาชนหลายเรื่องต้องสะดุดลง ซึ่งชัดเจนมากในกรณีปัญหาที่ดิน น.ส.ล.ออกผิดตำแหน่งทับชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี 

กรณีนี้ สะท้อนชัดถึงปัญหาทางการเมือง ที่มุ่งแต่จัดสรรผลประโยชน์ของพรรคการเมือง ที่ไม่ลงตัวกัน และเป็นการมุ่งหวังที่จะเตรียมการเลือกตั้งรอบหน้าเป็นหลัก โดยไม่มีประชาชนอยู่ในสมการของการจัดตั้งรัฐบาล หรือการปรับ ครม.เลย 

“ที่ผ่านมาหรือแม้แต่รอบล่าสุด เราไม่เคยได้ยินว่าการปรับ ครม. เป็นไปเพื่อตอบสนองต่อการแก้ปัญหาประชาชนเลยแต่ที่เขาคุยกัน ก็คือการปรับ ครม. เพื่อให้สอดคล้องสำหรับการเกิดขึ้นในอำนาจของพรรคการเมือง ของความสัมพันธ์ทางการเมืองมากกว่า”

ไมตรี จงไกรจักร์

ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจากปมความขัดแย้งแย่งชิงกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีกลไกอนุกรรมการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ในการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย  ได้ส่งผลกระทบอย่างชัดเจน อย่าง กรณี น.ส.ล.ออกทับชุมชนไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบของคณะทำงานระดับจังหวัดและอำเภอ ชุดเดิมในปี 2565 แน่ชัดแล้วว่า การออก น.ส.ล.ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เลื่อนตำแหน่งจากที่ระบุตามทะเบียน ปี 2475 มีประเด็นว่าที่ออกมา 1,318 ไร่แล้วทับชุมชนไทดำออกไม่ตรงตำแหน่ง  

แต่ประเด็นสำคัญ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ หน่วยงานราชการที่มาใหม่ ตั้งประเด็นใหม่ว่า การออก น.ส.ล.แบบนี้ถูกต้องแล้ว เพราะออกตามสภาพพื้นที่รกร้าง และการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ข้อเห็นต่างที่เกิดขึ้น เป็นที่มาที่ล่าสุดกระทรวงมหาดไทย โดยอดีต มท.2 ก็วางแผนที่จะลงพื้นที่เพื่อจะมาดูความจริงในพื้นที่ ว่า สภาพที่ดินมันเป็นสภาพการใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ รวมถึงส่งผลกระทบความเป็นอยู่ของชุมชนไทดำ ก่อนที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหากับชาวบ้านไทดำ ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องมาสะดุดลงเพราะปัญหาและปัจจัยจากความขัดแย้งทางการเมือง 

“นี่จึงยิ่งตอกย้ำ และเป็นข้อสังเกตว่า การที่กระทรวงมหาดไทย โดยพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไป แต่จังหวัดได้มอบหมายให้ กอ.รมน.มาตั้งทีมตรวจสอบวันเดียวกัน และมีข้อสรุปเลย ว่า ที่ดินออก น.ส.ล.ที่ว่า ออกถูกต้องแล้ว อันนี้ชัดว่าตั้งธงเตรียมเสนอรัฐมนตรี ที่เตรียมรับอยู่แล้วหรือไม่ จึงเห็นชัดว่า รัฐบาลอ่อนแอ หรือเตรียมการที่จะปรับเปลี่ยน ครม. เพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจจะใช้พื้นที่นี้ไปทำโครงการอื่นหรือไม่”

ไมตรี จงไกรจักร์

จี้ รัฐบาล – พรรคร่วม หลังปรับ ครม. ต้องชัดแผน-นโยบายแก้ปัญหาประชาชน

ไมตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สังคมต้องช่วยกันจับตาและส่งเสียง โดยการปรับ ครม.รอบนี้สำคัญคือ รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงต้องมีบทบาทหน้าที่ภารกิจหลักในการแก้ปัญหาประชาชน และให้ประชาชนอยู่ในสมการของการปรับเปลี่ยน ครม.ด้วย

ไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท 

“คาดหวังว่ารัฐมนตรีใหม่ที่เข้ามา ต้องเข้าใจในปัญหาประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาประชาชนได้ ไม่ใช่จะมุ่งเรื่องแสวงหาอำนาจและจัดสรรผลประโยชน์กันเองเท่านั้น”

ไมตรี จงไกรจักร์

โดยเฉพาะกระทรวงใหญ่ อย่างกระทรวงมหาดไทย ที่มีปัญหาต้องแก้ไขและรับผิดชอบ ทั้งที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างและที่สาธารณประโยชน์ทั่วประเทศแล้ว ยังรวมถึงที่ดินชุมชนที่ชาวบ้านปกป้องที่ดินรัฐ หมายถึงที่ดินที่เป็นป่า พื้นที่สาธารณะและชุมชนก็ต่อสู้กับเอกชน  ซึ่งอันนี้อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ 

ส่วนในภาคใต้ ก็มีเอกชนที่มีข้อพิพาทในที่ดินรัฐ ที่ชาวบ้านก็ปกป้องต่อสู้ไปถึงขั้นศาลและตัดสินแล้ว รอการเพิกถอน แต่ว่ากระทรวงมหาดไทย ก็ไม่ได้ดำเนินการ เหล่านี้ที่รอการแก้ปัญหาอยู่ รวมถึงกรณีปัญหาใหญ่ที่กำลังถูกลุกคืบของพี่น้องชุมชน ก็คือกรณีชุมชนไทดำ 

“เพราะฉะนั้นการตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งกระทรวงอื่น ๆ ขอให้เลือกคนที่มีหัวใจยึดโยงกับประชาชน คิดว่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาประชาชนได้ และรัฐบาลเอง โดยนายกรัฐมนตรี จะต้องมองไปว่า การปรับ ครม.รอบนี้ ปรับเพื่อประเทศ เพื่อประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อจัดสรรอำนาจกันอย่างเดียว ต้องยึดโยงการแก้ปัญหาประชาชน ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีต้องต้องทบทวน ในขณะเดียวกันกับกระแสที่กำลังถูกเรียกร้องความรับผิดชอบจากกรณีคลิปเสียงหลุด สุดท้ายนายกฯ จะลาออกหรือไม่ แต่เมื่อรัฐบาลนี้ยังอยู่ต่อ รัฐบาลต้องสร้างผลงานในการแก้ปัญหาเรื่องต่าง ๆ ให้ประชาชน ให้เกิดความรูปธรรมเป็นที่ประจักษ์ 

ไมตรี จงไกรจักร์

ทั้งนี้ ในห้วงเวลาที่กำลังเดินหน้าสู่การปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งตามโครงสร้างในกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ที่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่พรรคเพื่อไทยคาดหวัง แต่ถ้าจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ รัฐมนตรีที่จะมาดูแลกระทรวงมหาดไทย ต้องวางเป้าหมายให้ชัดเลยว่า แต่ละคนจะไปทำเรื่องอะไรให้ประชาชน เป็นเรื่องหลัก แล้วก็เรื่องรอง มีนโยบายที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า มีประชาชนอยู่ในสมการของการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active