สธ.เร่งแก้ปัญหาศพทหารกัมพูชาไม่ถูกจัดการ – หวั่นโรคติดต่อทหารแนวหน้า แนะเข้มสุขาภิบาล

กรมอนามัย เตรียมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่งหน้ากาก N95 หวังช่วยบรรเทากลิ่นให้ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า พร้อมหารือหน่วยความมั่นคง หาทางเข้าจัดการศพในพื้นที่ปะทะ สั่งเฝ้าระวังความเสี่ยงโรคทางเดินอาหาร จากแมลงเป็นพาหะ

วันนี้ (4 ส.ค. 68) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานปัญหา “กลิ่นศพทหารกัมพูชา” บริเวณแนวชายแดน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของทหารไทยที่อยู่ในพื้นที่แนวหน้า จึงได้สั่งการให้กรมอนามัย เข้าไปให้การสนับสนุนและเสนอแนวทางจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงมาตรการควบคุมโรคที่อาจเกิดจากศพที่ยังไม่ได้รับการจัดการ

นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยกับ The Active ว่า การจัดการกลิ่นและศพในพื้นที่การปะทะชายแดนนั้นจำเป็นต้องพิจารณาร่วมกับฝ่ายทหาร เนื่องจากพื้นที่ต้นกำเนิดกลิ่น อาจยังมีความไม่ปลอดภัยต่อการเข้าไปปฏิบัติงานโดยตรง

“ในทางสุขภาพ หากสามารถกลบฝังศพและใช้ปูนขาวโรยทับ จะช่วยลดกลิ่นและป้องกันการแพร่เชื้อได้ดี แต่ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมทางยุทธศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากเป็นศพทหารต่างชาติ”

นพ.ธิติ แสวงธรรม

นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย

ทั้งนี้ กรมอนามัยเตรียมจัดส่งหน้ากาก N95 ไปสนับสนุนหน่วยทหาร เพื่อช่วยลดกลิ่นรบกวนในเบื้องต้น โดยเฉพาะในช่วงพักของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเตือนให้เพิ่มความระมัดระวังในเรื่องสุขาภิบาล เช่น การป้องกันแมลงวันปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม และการรักษาความสะอาดของพื้นที่พักแรม

สำหรับโรคที่อาจเกิดจากศพที่เน่าเปื่อยและไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมนั้น รองอธิบดีกรมอนามัย ย้ำว่า มักเป็นกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง หรือโรคติดต่อจากแมลงวัน ซึ่งสามารถแพร่เชื้อจากศพมาสู่แหล่งอาหารและน้ำบริโภคได้ หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

นพ.ธิติ ระบุด้วยว่า การส่งทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปจัดการในพื้นที่แนวหน้าคงยังไม่เหมาะสมในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม กรมอนามัยพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนอุปกรณ์ทางสุขาภิบาลแก่หน่วยงานด้านความมั่นคง หากมีการร้องขอและมีความปลอดภัยเพียงพอ

“เราเข้าใจว่าในสนามรบมีข้อจำกัด ทั้งเรื่องการก่อไฟ ต้มน้ำ หรือแม้แต่การสวมหน้ากากต่อเนื่อง ซึ่งต้องปรับให้เหมาะสมกับบริบททางทหาร เราจึงเน้นการสนับสนุนด้านวิชาการ และอุปกรณ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่สามารถดำเนินการได้อย่างปลอดภัยและถูกหลักสุขาภิบาล”

นพ.ธิติ แสวงธรรม

พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายของโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน โดยมีรายงานจากโรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นแห่งแรกที่ประเมินความเสียหายได้แล้วเบื้องต้นราว 45 ล้านบาท ส่วนโรงพยาบาลอื่น ๆ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active