ภาคประชาชน ท้วง รมว.ทส. ดันป่าอนุรักษ์สร้างเขื่อน แก้ปัญหา หรือ เอื้อใคร ?

มองการอนุญาตใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ของรัฐ เลือกปฏิบัติ ตั้งข้อสังเกต สร้างเขื่อนเพื่อประชาชน หรือ เอื้อนิคมอุตสาหกรรม 

จากกรณีที่ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตอบกระทู้ถามแยกเฉพาะ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ม.ค. 68 ซึ่งได้ระบุถึง การอนุญาตใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อสร้างเขื่อนแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และใช้ทางการเกษตร ให้ประชาชน ว่า การเข้าไปใช้พื้นที่ป่าต้องอยู่ในความเหมาะสม และภายใต้ระเบียบแบบแผนที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย โดยส่วนที่จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้ ก็ต้องอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ก่อน แต่หากทางคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วว่า จำเป็นต่อพี่น้องประชาชน และไม่สร้างความเสียหายต่อป่า ก็จะเร่งดำเนินการทันที ตามขั้นตอนของกฎหมาย

เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยกรณีเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือ อุทยานแห่งชาติ ต้องมีการเพิกถอนพื้นที่ ส่วนที่ต้องการดำเนินโครงการ โดย คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องอนุมัติ ซึ่ง ครม.จะพิจารณาผลดี-ผลเสีย เมื่อ ครม.อนุมัติ เข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมายต่อ เช่น การจัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

“ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้ามีความเหมาะสม และคุ้มค่า ต่อประชาชน เราจะเข้าสำรวจ ทั้งนี้ หากมีพื้นที่และขนาดของโครงการที่จำเป็นต้องทำ EIA ก็จะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปในอนาคตเราจะเร่งดำเนินการ และทำทุกอย่างให้กระชับรวดเร็วขึ้น เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนโดยตรงมากที่สุด ผมซึ่งมีหน้าที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และกฎหมายไปพร้อมกัน ขอทำอย่างเต็มที่ครับ”

เฉลิมชัย ศรีอ่อน

ใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ นโยบายเลือกปฏิบัติ ?

หาญณรงค์ เยาวเลิศ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) ให้ความเห็นเรื่องนี้กับ The Active ว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในเชิงนโยบายและหน่วยงานราชการเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยยกกรณีตัวอย่าง เวลาชาวบ้านจะเข้าไปใช้พื้นที่ป่าอนุรักษ์มักมีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดกับประชาชน เทียบได้เหมือนกับต้องเดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่ในด้านของการสร้างเขื่อนในเขตอุทยานแห่งชาติ  

หาญณรงค์ แนะว่า หลักเกณฑ์จัดการน้ำ ควรจัดการในกรณีที่น้ำไหลออกมาจากเขตของป่าอนุรักษ์แล้ว ถึงจะมาจัดการน้ำ หรือหากจะสร้างเขื่อนก็สร้างให้อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ แต่วันนี้กระทรวงฯ ไม่เคยวางหลักเกณฑ์แบบนี้ ยกตัวอย่างในเขตพื้นที่มรดกโลกเขาใหญ่ ปางสีดา ทับลานกติกาของมรดกโลกกำหนดว่าเมื่อประกาศเป็นมรดกโลกแล้ว ไม่ควรมีโครงการที่มาจากความเจตนาของมนุษย์ ก็คือการสร้างเขื่อนนั่นแหละ แต่สุดท้ายไทยก็ไปสร้างเขื่อนห้วยโสมง และบอกว่าต่อไปนี้เราจะไม่เอาอีกแล้ว แต่สุดท้ายเขื่อนอื่น ๆ ก็ยังมีการขยับของโครงการ

หาญณรงค์ เยาวเลิศ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย)

ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า การสร้างเขื่อนเพื่อปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และใช้ทางการเกษตร ให้ประชาชน โดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายกำหนด

หาญณรงค์ ให้ความเห็นว่า เป็นแค่ข้ออ้างแม้ตอนแรกเป้าหมายคือเพื่อเกษตรแต่สุดท้ายน้ำจากเขื่อนเหล่านี้ถูกดึงไปใช้ในอุตสาหกรรมทั้งหมด โดยยกกรณีของการขอใช้พื้นที่ป่าเพื่อสร้างเขื่อนในภาคตะวันออก จ.จันทบุรี ว่า เป็นการสร้างเขื่อนทดน้ำเพื่อเอาไปเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไฟฟ้าที่ได้จากการผลิตของนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก

“ตอนแรกที่มาทางเลือกของโครงการก็มาเพื่อเกษตรกรนั่นแหละ พอทำไปทำมาก็ลืมวัตถุประสงค์ในตอนแรกและป้อนให้กับอุตสหกรรมทั้งหมด  ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาผมเห็นเหตุผลแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา  พอสร้างโครงการเสร็จก็ไม่กลับไปดูเหตุผลเดิม หลายโครงการทำแล้วเปลี่ยนวัตถุประสงค์ เพราะการอ้างวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรฟังแล้วเข้าใจไม่ซับซ้อบ แต่ถ้าบอกว่าเอาน้ำไปใช้เพื่ออุตสาหกรรมตั้งแต่แรก คนก็จะมองแง่ลบ และไม่อนุมัติโครงการตั้งแต่ต้น”

หาญณรงค์ เยาวเลิศ

หาญณรงค์ ยังระบุว่า การจัดการน้ำทำได้ตั้งแต่การจัดการฝายที่อยู่ข้างล่าง ฝายชะลอน้ำที่ไม่ใหญ่จนกระทบชาวบ้าน การจัดการน้ำใต้ดิน เป็นต้น 

“การจัดการน้ำมีหลายรูปแบบไม่ใช่แค่การสร้างเขื่อน แล้วจะจัดการน้ำได้สมบูรณ์ ดีเลิศ ประเสิร์ฐศรีอะไรที่ไหน การจัดการน้ำขนาดเล็ก การจัดการน้ำด้วยรูปแบบอื่น ๆ เยอะแยะไปหมด ไม่ใช่ต้องสร้างเขื่อนในเขตป่าอนุรักษ์” 

หาญณรงค์ เยาวเลิศ

ในส่วนของ โครงการพลังน้ำทุ่งเทรน 2 ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคลองโป่งน้ำร้อน หรือเขื่อนคีรีธาร 2 ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน ที่ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) ได้ยกกรณีพื้นที่ตัวอย่างนั้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ระบุในการตอบกระทู้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความเห็นชอบเข้าสำรวจ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว มีพื้นที่คาบเกี่ยวกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองเครือหวายเฉลิมพระเกียรติ โป่งน้ำร้อน และท้องที่ ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทางภาคตะวันออก ที่มีความสำคัญหาทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุดมสมบูรณ์มีสัตว์อยู่เยอะ ทำให้เป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนเชิงนิเวศน์ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active