ชาวบ้านกลุ่ม ‘ฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด’ โอดถูกฟ้องปิดปาก เรียกร้องหยุดเจาะอุโมงค์หนองโพธิ์ ยุติฟ้องคดีชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา ในการประชุม คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา นำโดย อังคณา นีละไพจิตร ประธาน กมธ. ได้พิจารณาปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากโครงการเหมืองแร่โปแตช อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังจากที่กลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ และผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินโครงการเหมืองดังกล่าว
อังคณา บอกว่า จากกรณีร้องเรียนว่าอุโมงค์การทำเหมืองแร่ของบริษัทไทยคาลิ จำกัด เกิดการรั่วซึม และมีเกลือปนเปื้อนส่งผลกระทบต่อที่ดินทำกิน และแหล่งน้ำธรรมชาติของชาวบ้าน ซึ่งหน่วยงานที่ กมธ. ได้เชิญมานั้น น่าจะให้คำชี้แจงกับชาวบ้านได้ ทั้งนี้ทาง กมธ. ได้เชิญบริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น เข้าชี้แจงต่อ กมธ. ด้วย ซึ่งทางบริษัทบางจากฯ แจ้งว่าได้ขอให้บริษัทไทยคาลิฯ มาร่วมประชุม แต่บริษัทไทยคาลิฯ แจ้งว่า อยากขอให้ กมธ. ลงไปตรวจสอบในพื้นที่มากกว่า เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม


น้ำเค็มจัดกว่าทะเล 4 เท่า เกษตรพัง ปลาก็อยู่ไม่ได้
ประเด็นสำคัญที่เป็นข้อพิพาทคือเรื่อง ความเค็มของน้ำและดินในพื้นที่โครงการเหมือง โดย อานันท์ ฟักสังข์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ชี้แจงว่า ความเค็มของดินในพื้นที่ตำบลหนองไทรมีมาตั้งแต่ปี 2547 ตามข้อมูลของกรมพัฒนาที่ดิน และจากการตรวจสอบล่าสุดในปี 2567 พบว่า ค่าความเค็มของดินยังอยู่ในระดับที่ไม่เกินมาตรฐาน
อานันท์ ยังบอกด้วยว่า ในส่วนที่บริษัทได้เปลี่ยนแปลงผังการทำเหมืองแร่โปแตชล่าสุดนั้น โดยยื่นเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 2 เมื่อปี 2565 บริษัทขอเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม คือ ขอเปลี่ยนแปลงจากอุโมงค์แนวเอียงเดิมเป็นอุโมงค์แนวดิ่ง และ มีการขออนุญาตใช้ระเบิดในการก่อสร้างอุโมงค์แนวดิ่งใหม่ ทั้ง 3 อุโมงค์ โดยขอเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตใช้ระเบิดและมีการคำนวณโดยวิศวกรเหมืองแร่สำนักอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขต 6 (นครราชสีมา) และจะต้องไปขออนุญาตหน่วยงานปกครองด้วย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมพื้นที่ ยังไม่ได้เริ่มขุดเจาะอุโมงค์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ซึ่งได้ตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำและดินในพื้นที่ กลับให้ข้อมูลที่แตกต่างออกไป พบข้อมูลสภาพน้ำในพื้นที่ตัวอย่างน้ำมีความเค็มสูงถึง 115 กรัมต่อลิตร แปลว่า สูงกว่าน้ำทะเลที่เค็มมาก ถึง 4 เท่าโดยประมาณ จากรายงานในภาพรวมพบว่าน้ำไม่สามารถใช้ในพื้นที่เกษตรได้ในส่วนที่เป็นสีแดงแล้ว ซึ่งสำหรับเกลือโปแตชเซียมคลอไรด์ในแหล่งน้ำจืดปกติจะมีค่าไม่เกิน 100 PPM แต่ว่าตัวอย่างที่พบมีค่าสูงสุดอยู่ที่ 1,000 PPM คือ โดยสิ่งมีชีวิตจะได้รับผลกระทบสูงมากถ้าค่าการละลายเกิน 500 PPM เป็นต้นไป แม้แต่ปลาก็น่าจะอยู่ไม่ได้แล้ว

‘ฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด’ ร้อง 5 ข้อ
หยุดเจาะอุโมงค์หนองโพธิ์ ยุติฟ้องคดีชาวบ้าน
ขณะที่ จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ ที่ปรึกษาของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด บอกว่า ปัญหาที่สำคัญคือความไม่ถูกต้องของข้อมูลรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งยังตรวจไม่พบโดมเกลือ จนนำมาสู่การเลือกใช้อุโมงค์แนวเอียงจนเกิดปัญหาน้ำท่วม ประกอบกับการละเลยต่อกระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เหมืองแห่งนี้ลักลอบเปลี่ยนแปลงแผนผังหลายครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีการดำเนินการเอาผิดอย่างทันท่วงที จึงเป็นสาเหตุสำคัญของผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งให้ทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)ใหม่
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ต่อ กมธ. โดยเนื้อหาหลักของข้อเรียกร้องคือ การให้หยุดโครงการขุดเจาะอุโมงค์หนองโพธิ์ทันที และ ให้ยุติการดำเนินคดีทางกฎหมายกับชาวบ้านที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเหมือง โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
- หยุดยั้งการเดินหน้าขุดเจาะอุโมงค์ใหม่ที่ดอนหนองโพธิ์ เพื่อระเบิด 3 อุโมงค์ใจกลางพื้นที่ชุมชน ห่างจากที่ทำกินของชาวบ้านแค่ 3 ก้าว
- ยุติการฟ้องคดีต่อนักปกป้องสิทธิฯ
- ให้บริษัทไทยคาลิ และบางจาก แสดงความรับผิดชอบตามหลักปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน และแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนขององค์กรธุรกิจ
- รัฐบาลต้องดำเนินการตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนอย่างโปร่งใส
- ต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและนักปกป้องสิทธิฯโดยจะต้องไม่มีการข่มขู่ คุกคาม บิดเบือนข้อมูลใด ๆ ตามหลักการในปฏิญญาสากลของสหประชาชาติ
ทั้งนี้ กลุ่มชาวบ้านยังเรียกร้องให้บริษัทผู้ดำเนินโครงการรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น และขอให้รัฐบาลมีมาตรการตรวจสอบและคุ้มครองประชาชนจากอันตรายที่อาจเกิดจากโครงการเหมืองดังกล่าว นอกจากนี้ พวกเขายังต้องการให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเข้ามาช่วยดูแลนักปกป้องสิทธิที่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

กมธ. เตรียมยื่นกระทรวงยุติธรรมคุ้มครองนักปกป้องสิทธิ
อานนท์ ยังคุณ นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ รักษาการนักวิชาการยุติธรรม ชำนาญการพิเศษ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนการฟ้องร้องชาวบ้าน หรือคดีการฟ้องปิดปาก (SLAPP) กรมฯ ยังไม่ได้รับร้องเรียนในประเด็นนี้เข้ามา ในส่วนของกรมฯ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการร่างกฎหมายเพื่อป้องกันการฟ้องปิดปาก โดยมีหัวใจสำคัญคือเพื่อคุ้มครองประชาชนหรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อไม่ให้ถูกใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในจัดการหรือฟ้องปิดปาก โดยร่างกฎหมายผ่านการรับฟังความเห็นแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอกฎหมายต่อไป
ในการประชุมครั้งนี้ ประธาน กมธ. ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักปกป้องสิทธิ ซึ่ง กมธ. มองว่า เป็นการใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและการเรียกร้องความเป็นธรรมของประชาชน ดังนั้น กมธ. จะส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้มีมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งเตรียมลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ร่วมกับผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป