เกาะช้าง ส่งต่อ เกาะสมุย ‘สัมมนาชาวเกาะเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน’

เน้นย้ำภารกิจพัฒนาเกาะ ด้วยจิตวิญญาณ ความร่วมมือชุมชน นักวิชาการ ย้ำ ความท้าทาย ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ขยะ น้ำ ปัญหาสังคม วัฒนธรรม สวนทางเกาะสมุย เติบโตแบบก้าวกระโดด หลายฝ่ายเห็นพ้อง การท่องเที่ยวเกาะยั่งยืน ต้องเดินหน้าหนุนเศรษฐกิจชุมชนให้ดี สร้างเครือข่ายชุมชนเข้มแข็งอย่างแท้จริง

วันนี้ (11 มิ.ย. 68) กิจกรรมสัมมนาชาวเกาะเพื่อการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ณ เกาะช้าง จ.ตราด จบลงด้วยการส่งมอบธงเจ้าภาพ “Sustainable Island Tourism Symposium” ให้กับตัวแทนจาก เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อจัดงานสัมมนาชาวเกาะ ครั้งที่ 4 ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2569

สำหรับการส่งมอบธงเจ้าภาพเป็นสัญลักษณ์ของการส่งต่อภารกิจการพัฒนาเกาะอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน หลังจากการจัดงานสัมมนาที่ผ่านมาใน เกาะเต่า, เกาะลันตา และเกาะช้าง ตามลำดับ

ข้อความจากเจ้าภาพเดิม – เจ้าภาพใหม่

กิจกรรมสัมมนาชาวเกาะทั้งหมด 3 วัน ได้มาถึงจุดจบแล้ว ภายในงานเต็มไปด้วยกิจกรรมมากมายอย่างนิทรรศการนวัตกรรมเพื่อเกาะยั่งยืน วงเสวนา Policy Forum “นโยบายเกาะ By เกาะ” โดย The Active-Policy Watch การประชุมกลุ่มย่อย งานบรรยาย ทั้งหมดนี้เพื่อแลกเปลี่ยนการดำเนินงานเพื่อเกาะยั่งยืนที่ผ่านมา และมองหาแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นต่อไป

จักรกฤษฏ์ สลักเพชร เจ้าภาพงานสัมมนา ครั้งที่ 3 บอกว่า รู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับทุกท่าน พี่น้องลูกน้ำเค็มเหมือนกัน

“งานนี้เหนื่อย แต่เหนื่อยแล้วมีความสุข ขอมอบงานดี ๆ อันนี้ให้ทางเกาะสมุยต่อไป”

จักรกฤษฏ์ สลักเพชร

ปณิธาน บุญสา ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุยยั่งยืน ประธานกลุ่มหมุยสตอรี่ และตัวแทนเจ้าภาพใหม่ ย้ำว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่เน้นเรื่องจิตวิญญาณ และความร่วมมือกันของชุมชน อยากจัดงานให้ทุกคนเห็นว่าสมุยมีอะไร

“ความสนุกที่สมุยจะไม่ใช่แค่การได้มาเที่ยว แต่จะเป็นความสนุกในการได้พัฒนา สนุกกับรูปแบบการดำเนินการด้วยฐานของชุมชน”

ปณิธาน บุญสา

ที่เกาะสมุยมันมีอะไร ที่มาท้าทายความยั่งยืน

เกาะสมุยขณะนี้เผชิญกับการเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างก้าวกระโดด มีนักท่องเที่ยว 3.5 ล้านคนในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อนหน้า สร้างรายได้ 60,800 ล้านบาท และได้รับรางวัล “เกาะที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก” จากงานประกาศรางวัล T+L Luxury Awards Asia Pacific 2024

อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ รศ.กาญจน์นภา พงศ์พนรัตน์ เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาตรี นวัตกรรมการบริหาร (หลักสูตรนานานาชาติ) BSI วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับ The Active โดยย้ำถึงข้อสังเกต คือ

  • ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน : สมุยเป็นอำเภอ แต่การเติบโตเป็นสเกลเทียบเท่าระดับจังหวัด โครงสร้างพื้นฐานโตไม่ทันการเติบโตของการท่องเที่ยว ประชากรมีทะเบียนบ้าน 5-6 หมื่นคน แต่ประชากรแฝงมีอยู่ 2-3 แสนคน

  • วิกฤตขยะและน้ำ : ปัญหาขยะล้นเหลือจากการที่โรงเผาขยะบนเกาะสร้างแล้วและเสียหายแล้ว เนื่องจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีไม่ถึงคนท้องถิ่น ส่วนปัญหาน้ำขาดแคลนหนัก มีการประกาศเปิดปิดน้ำ กระทบทั้งชุมชนและนักท่องเที่ยว

  • ปัญหาสังคมและวัฒนธรรม : การเข้ามาของทุนต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะทุนจีน ส่งผลให้เกิดการทำลายป่า น้ำท่วม และการสูญเสีย “sense of belonging” หรือความรู้สึกเป็นเจ้าของของคนท้องถิ่น อัตลักษณ์ของชุมชน ก็ถูกกลืนกิน หายไป

ขณะที่ ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้เพื่อพัฒนาประชาสังคม ซึ่งรับหน้าที่พูดปิดกิจกรรมสัมมนาชาวเกาะ ครั้งที่ 3 เน้นย้ำ ถึงความสำคัญของ eco-soul หรือหัวใจที่มีวิญญาณรักในระบบนิเวศ

“เมื่อเราจะไปที่สมุย ปีที่ 4 จะต้องขึ้นไปอีกขั้นแล้ว สูงขึ้นในหัวใจ ในความคิด จิตใจ ทางปัญญา เพราะมีแต่ปัญญาเท่านั้นจึงจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้”

ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์

ชัยวัฒน์ ยังเตือนถึงความท้าทายจาก “SEC” หรือ ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย 

“SEC จะทำให้ที่สร้างมา ทั้งหมดหายไปภายในไม่กี่ปี เราจะไม่ได้เป็นลูกน้ำเค็มอีกแล้ว เมื่อน้ำเค็มมีพิษไปหมด เราจะอยู่กันอย่างไร”

ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์

ปณิธาน บุญสา ประธานวิสาหกิจชุมชนสมุยยั่งยืน และประธานกลุ่มหมุยสตอรี่

สัมมนาชาวเกาะครั้งที่ 4 มีอะไร ?

ปณิธาน ยังเปิดเผยถึงวิสัยทัศน์สำหรับการจัดงานสัมมนา ครั้งที่ 4 ที่เกาะสมุย โดยอยากเห็นการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนร่วมกับเทศบาลนครเกาะสมุย

“อยากให้ชาวเกาะทุกคนได้เสนอความคิด หรือความต้องการของแต่ละเกาะทั่วประเทศ มาเสนอร่วมกันว่าสิ่งที่เกาะยังขาด และสิ่งที่เกาะอยากได้คืออะไร”

ปณิธาน บุญสา

โดยเน้นว่า หากจะให้เกิดการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องทำให้เศรษฐกิจของชุมชนดีเสียก่อน ถ้าเศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมก็จะดี จะได้เห็นภาพชุมชนมาทำกิจกรรมร่วมกัน

รศ.กาญจน์นภา แนะนำ ให้การสัมมนาครั้งต่อไปเน้นการแสดงเสียงจากชุมชนท้องถิ่น ซึ่งนักวิชาการ ควรจะหยุดพูด และนั่งฟังว่าความเป็นจริงคืออะไร เป็นเสียงสะท้อนจากคนที่ใช้ชีวิตจริง ๆ นักวิชาการค่อยให้คอมเมนต์ก็ได้ พร้อมเน้นถึงคำสำคัญ Sense of Belonging และ Sense of Place ว่า เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน 

“มันคือความผูกพันกับถิ่นที่อยู่ของตัวเอง การรักในถิ่นฐาน พยุงวัฒนธรรมเอาไว้ มันปรับตัวไปกับสมัยได้นะ แต่รากหญ้าก็น่าจะยังต้องคงอยู่”

รศ.กาญจน์นภา พงศ์พนรัตน์ เชี่ยวชาญ

ข้อท้าทายร่วมของเกาะไทย

สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาที่เกาะต่าง ๆ ในไทยเผชิญมีความคล้ายคลึงกัน ได้แก่ ปัญหาขยะ, การเข้ามาของคนต่างถิ่นจำนวนมาก, การสูญเสียอัตลักษณ์ท้องถิ่น และยังมีอีกหลายปัจจัยมากมายที่ยังต้องร่วมแรงกันแก้ไข

การสัมมนาชาวเกาะ ครั้งที่ 4 ที่เกาะสมุย จะเป็นการทดสอบว่า ชุมชนเกาะจะสามารถรวมพลังกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ คล้ายกับแนวคิดของ ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ นั่นคือการ “สู้อย่างสร้างสรรค์ ใช้ข้อมูลเชิงวิชาการ แปลงมาเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจ ให้เห็นอะไรได้ อะไรเสีย อะไรคือความยั่งยืนอย่างแท้จริง”

งานสัมมนาชาวเกาะ ครั้งที่ 4 คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2569 ที่เกาะสมุย โดยมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็งและการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active