‘วันมหาสมุทรโลก’ ชาวเกาะไทยรวมพล จับมือลด เลิก ‘พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง’ หยุดก่อปัญหาลงสู่ทะเล

เครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทย – สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย – กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ดึงความร่วมมือชาวเกาะ ตั้งแต่ต้นทาง ยันข้อตกลง ไม่ใช่ กฎหมาย มุ่งเดินหน้าสร้างกลไกติดตาม รายงานผล วางเป้าพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะยั่งยืน คาร์บอนเป็นศูนย์ ภายใน 5 ปี

วันนี้ (8 มิ.ย. 68) ที่เกาะช้าง จ.ตราด เนื่องในโอกาส วันมหาสมุทรโลก เครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทย, สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือชาวเกาะที่สำคัญ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางทะเลอย่างเป็นระบบ โดยเปรียบเทียบกับเกาะบาหลี อินโดนิเซีย ที่ประกาศการแบนถุงพลาสติก และหลอดพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ตั้งแต่ 6 ปีก่อน ซึ่งเกาะในประเทศไทยกำลังดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การลงนามครั้งนี้ไม่มีผลทางกฎหมาย และจำเป็นที่จะต้องติดตาม และรายงานผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ข้อตกลงชาวเกาะ ลบขยะจากทะเลไทย ?

พิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือชาวเกาะว่าด้วย การลดหรือเลิกใช้ พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ในครั้งนี้มุ่งเน้นการลดและเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) หลอดพลาสติก และโฟม โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะต่าง ๆ ที่เสี่ยงต่อการเป็นแหล่งกำเนิดขยะทางทะเล ทั้งนี้ยังมีการมอบอุปกรณ์เก็บขยะให้แก่ชุมชนเกาะต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

หน่วยงานทั้งภาครัฐ และตัวแทนเครือข่ายเกาะ ยังเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากปฏิญญาเกาะเต่า และประกาศเจตนารมณ์ : ความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ที่มุ่งหวังจะประสานการดำเนินงาน ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืน

บันทึกความเข้าใจในฉบับนี้ เริ่มมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันนี้ที่มีการลงนามร่วมกัน ไปจนถึง วันที่ 7 มิถุนายน 2573 เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยหากนับผู้ลงนามภายใต้เครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทย มีจำนวน 33 เกาะ จาก 936 เกาะทั่วไทย และองค์กรภาคีเครือข่ายกว่า 30 องค์กร 

ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานการเก็บขยะทะเลมาตั้งแต่ปี 2552 มากกว่า 22 ล้านชิ้น โดยเป็นขยะพลาสติกประเภทขวดเครื่องดื่ม 3.1 ล้านชิ้น ถุงพลาสติกอื่น ๆ 2.6 ล้านชิ้น ถุงก๊อบแก๊บ 1.5 ล้านชิ้น ห่อ/ถุงอาหาร 1.2 ล้านชิ้น นอกจากนี้ยังมีเศษพลาสติก หลอด และที่คนเครื่องดื่มอีก ร่วมล้านชิ้น

เก็บขยะเกาะ So Cool

นอกจากการลงนามความร่วมมือแล้ว ยังได้จัดกิจกรรมเก็บขยะขนาดใหญ่ “30+ Islands Clean-Up: So Cool Mission” ที่เชิญชวนชาวเกาะกว่า 30 แห่ง และอาสาสมัครทั้งไทย และต่างชาติ มาร่วมดูแลทะเลอย่างครอบคลุม กิจกรรมนี้ไม่ได้หยุดเพียงแค่การเก็บขยะ แต่ยังขยายไปสู่การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อความยั่งยืน

ขั้นตอนของกิจกรรมเก็บขยะเริ่มต้นตั้งแต่การเก็บขยะริมชายหาด ไปจนถึงการคัดแยกประเภทขยะ การชั่งน้ำหนักและบันทึกข้อมูล และการจัดส่งขยะแต่ละประเภทไปยังจุดรับที่เหมาะสมต่อไป

ศลิษา ไตรพิพิธสิริวัฒน์ นักรณรงค์อาวุโส และผู้จัดการแคมเปญพลาสติก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ EJF เปิดเผยกับ The Active ย้ำถึงการติดตามผลจากการลงนามครั้งนี้ ที่แม้ไม่มีพันธะทางกฎหมาย แต่ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งในตอนนี้ก็ต้องติดตามว่า เมื่อทำข้อตกไปแล้ว แผนลด ละ เลิก การใช้พลาสติกใช้แล้วทิ้งในเกาะต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร เริ่มด้วยอะไรก่อน และจะ phase out (ยุติการใช้) ยังไง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเหมือนแค่การลงนามเฉย ๆ ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรจริง ๆ

ทั้งนี้พิธีลงนาม และกิจกรรมเก็บขยะที่เกิดขึ้น ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนงานชาวเกาะในปี 2568 ซึ่งในวันที่ 9 – 11 มิ.ย.นี้ จะมีการจัด “สัมมนาชาวเกาะเพื่อการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3” ณ เกาะช้าง จ.ตราด ภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์แห่งเกาะ : ดำรงไว้ซึ่งธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงเรา”

วันมหาสมุทรโลก 2568 : ปฏิบัติการเพื่อมหาสมุทรและสภาพภูมิอากาศ

สำหรับ วันมหาสมุทรโลก ปีนี้ มาพร้อมกับธีมสำคัญ “การดำเนินการเพื่อมหาสมุทรและสภาพภูมิอากาศ” (Catalyzing Action for Our Ocean & Climate) ซึ่งเป็นปีที่ 2 ของแนวคิดที่เน้นการปฏิบัติการจริง มีเป้าหมายขยายขอบเขตของการเคลื่อนไหวหลังจากเน้นประเด็นการอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลมาหลายปี

ความสำคัญของธีมนี้เกิดจากพันธกรณีประวัติศาสตร์เรื่องเป้าหมาย “30 x 30” ที่ประกาศในการประชุมความหลากหลายทางชีวภาพแห่งสหประชาชาติ รวมถึงสนธิสัญญาทะเลหลวง ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในการดูแลมหาสมุทรรอบโลก

ศลิษา ย้ำถึงประเด็นการดำเนินการเพื่อมหาสมุทร ว่า การดำเนินงานที่ประเทศไทยต้องทำต่อนั้นคือการลดการผลิตพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง และมองถึงปัจจัยการผลิตมากขึ้น

“เราต้องไปมองที่การผลิตแล้วด้วย เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการผลิตของอย่างพลาสติก มันก็ทำมาจากน้ำมัน และสารเคมี มาจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ดี ฉะนั้นต้องดูการจัดการขยะแค่ที่ปลายทางไม่ได้ เราต้องดูตั้งแต่จุดเริ่มต้นนั้นคือการผลิต”

ศลิษา ไตรพิพิธสิริวัฒน์

นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ยืนยันว่า มหาสมุทรที่มีสุขภาพดี เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนเป้าหมายการลดขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่ทะเล ทั้งในระดับประเทศอย่างการลงนามนี้ หรือในระดับนานาชาติอย่าง สนธิสัญญาพลาสติกโลก รวมถึงการผลักดันขอบเขตพื้นที่อนุรักษ์ 30×30 จะช่วยปกป้องระบบของโลก โดยเฉพาะปัญหาที่เชื่อมโยงกันของมหาสมุทร สภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายทางชีวภาพ

กิจกรรมในวันมหาสมุทรโลกครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน หรือกระทั่งบุคคลทั่วไป แต่ยังเป็นการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อให้เป้าหมายการอนุรักษ์มหาสมุทรบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกัน

ในปัจจุบัน มีพื้นที่บนบกไม่ถึง 17% และมหาสมุทรเพียง 8% ทั่วโลกที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเหมาะสม ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมาย 30×30 ที่ต้องการให้มีการอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติทั้งบนบกและทางทะเล 30% ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030)

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active