กับดักการสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อม! ติดอยู่ที่ “รับรู้” ไปไม่ถึง “การลงมือทำ”

วงเสวนา “คอนเทนต์เปลี่ยนโลก” พบข้อจำกัดด้านการสื่อสารประเด็นสิ่งแวดล้อม ยังไม่สามารถทำให้กลายเป็นข้อถกเถียงเชิงนโยบายได้ เสนอหา ‘จุดคานงัด’ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและนโยบาย

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 ไทยพีบีเอส จัดกิจกรรม “Green Active: โลกร้อง เรารีแอก ภายใต้หัวข้อวงเสวนา คอนเทนต์เปลี่ยนโลก Content Climate Crisis” โดยมี 4 นักขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม มาร่วมกันถอดรหัสว่าเหตุใดแม้จะมีการพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมมานาน แต่ทำไมสถานการณ์ถึงยังไม่คลี่คลาย พร้อมเสนอ จุดคานงัด ที่จะทำให้การสื่อสาร ไปถึงการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงมือปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ส.ส.ท., อดีต บก.นิตยสารสารคดี และนักสื่อสารประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ชวนคิดว่า การบริโภคในชีวิตประจำวันที่เกินความจำเป็น เกินความต้องการ ในโลกทุนนิยม เป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ

  • จากแฮมเบอร์เกอร์สู่การทำลายป่า : การกินเนื้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้ความต้องการข้าวโพดที่ใช้เป็นอาหารสัตว์สูงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำลายป่าอย่างมโหฬารเพื่อเพาะปลูก และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเผาและปัญหาฝุ่นควันตามมา “อย่าแปลกใจที่ทุกครั้งที่เรากินแฮมเบอร์เกอร์ เราก็ทำลายป่าไปโดยง่าย ทุกการกระทำของเราส่งผล เพียงแต่เราเห็นหรือไม่เห็น”
  • แก้วกาแฟกับปัญหาขยะที่ซ่อนอยู่ : กาแฟแก้วหนึ่ง สร้างขยะกี่ชิ้น ? ไม่ว่าจะเป็นแก้ว ฝา หลอด หรือถุง ก็ประมาณ 4 ชิ้น ถ้าแค่ที่จุฬาฯ ดื่มเป็นแสนคน ขยะรายวันก็สูงกว่า 4 แสนชิ้นแล้ว
  • Fast Fashion สร้างโลกร้อน : Fast Fashion เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างโลกร้อนเป็นอันดับที่ 4 ของโลก เป็นวงจรการผลิตปริมาณมาก ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ที่ทำให้ผู้บริโภคไม่เคยรับรู้ถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังราคาเสื้อผ้า
ธราเทพ ทวีผล, ณภัทร เวชชศาสตร์, พีรพล เหมศิริรัตน์, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ และ ปุณยอาภา ศรีคิรินทร์

ปัญหาสิ่งแวดล้อม ต้องถูกสื่อสารไปให้ลึกถึงราก

ณภัทร เวชชศาสตร์ ผู้สื่อข่าววิดีโอ สำนักข่าว Reuters เปิดเผยว่า มีผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประชาชนมีความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในระดับที่น่าสนใจ แต่ส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจในความรุนแรงและผลกระทบที่แท้จริงของปัญหา ซึ่งนี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนมองว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัว

นอกจากนี้ สื่อไทยยังมีข้อจำกัดในการนำเสนอ คือยังไม่สามารถทำให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องสาธารณะหรือข้อถกเถียงเชิงนโยบายได้ และจะสนใจประเด็นนี้ต่อเมื่อเป็นกระแส ทำให้ปัญหาขยะทะเลหรือการลดลงของพะยูน ถูกมองเป็นเพียงข่าวเศร้า และจบลงโดยที่ผู้คนก็สรุปง่าย ๆ ว่า “ชาวบ้านฆ่าไปแน่ ๆ” โดยไม่มีการสืบสาวถึงรากของปัญหาจริง ๆ

“การสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ควรจบลงที่ภาพความรุนแรง จนทำให้ดูสิ้นหวัง แต่ต้องเป็นสะพานเชื่อมให้ผู้คนเข้าถึงรากของปัญหาและมองเห็นทางออก”

ณภัทร เวชชศาสตร์ ผู้สื่อข่าววิดีโอ สำนักข่าว Reuters

สื่อจึงควรทำงานร่วมกับแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งรัฐ ประชาชน รวมถึงนักวิชาการ เพื่อส่งต่อข้อมูลที่ครบถ้วนและสร้างความหวังในการเปลี่ยนแปลง

การสื่อสารต้องยึดโยงความสนใจผู้คน

“คอนเทนต์สิ่งแวดล้อมมักเป็นข่าวเนกาทีฟ ทั้งภัยพิบัติ ขยะ ฟาสต์แฟชัน ยิ่งทำให้คนยุค ‘เดอะแบก‘ ไม่อยากเสพสื่อดังนั้นเราต้องหาจุดเชื่อมโยงที่ตรงใจเขา ให้พวกเขารู้สึกว่าปัญหานี้คุ้มค่าที่จะให้ความสนใจ”

พีรพล เหมศิริรัตน์

โดย พีรพล เหมศิริรัตน์ ร่วมก่อตั้งเพจ Environman เล่าตัวอย่างให้ฟังว่า ถ้าเราตั้งใจให้เกษตรกรเปลี่ยนรูปแบบการทำนา แทนที่จะบอกว่า ปลูกแบบนี้จะช่วยโลกนะ”  ให้มองจากความต้องการของเขา แล้วนำไปสื่อสารใหม่ว่า “ปลูกแบบนี้จะได้ผลผลิตดีนะ” ตรงนี้จะสร้างแรงจูงใจได้ดีมากกว่า

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาประเด็นสิ่งแวดล้อมถูกมองว่า ถ้าจะสื่อสารต้องทำให้เป็นกระแสหลักอยู่ตลอดและต้องมีความเป็นวิชาการสูง แต่ที่จริงแล้วอาจไม่จำเป็น เราสามารถดูจังหวะกระแส นำประเด็นที่เกี่ยวข้องมาเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อม แล้วเล่าใหม่ให้กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวได้

ธราเทพ ทวีผล, ณภัทร เวชชศาสตร์, พีรพล เหมศิริรัตน์, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ และ ปุณยอาภา ศรีคิรินทร์

‘ซื้อให้น้อย เลือกให้ดีขึ้น’ ทางสายกลางที่ทำได้จริง

ธราเทพ ทวีผล หรือที่รู้จักกันในนามของ ก็อดแลนด์ Drag Queen, Drag Race Thailand 3 ได้นำเสนอมุมมองของการลงมือทำในระดับปัจเจกชนที่เข้าถึงง่าย โดยใช้ความเป็น Drag Queen สื่อสารแนวคิด Fast Fashion ที่ยั่งยืน ถึงแม้จะเป็นวงการที่ต้องใช้เสื้อผ้าและชุดใหม่ ๆ แบบไม่ซ้ำเพื่อความโดดเด่น แต่เขากลับใช้ปัญหาที่มองเห็นนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อน

“ก็อดแลนด์” มองว่า การนำกลับใช้ซ้ำ คือหัวใจสำคัญของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงใช้ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ นำของที่มีอยู่แล้วมาปรับตกแต่ง หรือนำมาครีเอทใหม่ รวมถึงใช้วิธียืมชุดจากเพื่อนหรือรุ่นพี่มาใช้แทน

สิ่งสำคัญที่สุดคือการหา ทางสายกลางในการรักษ์โลก ไม่จำเป็นต้องมองว่าบริษัท Fast Fashion เป็นผู้ร้ายไปเสียทั้งหมด แต่เน้นที่การ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ให้มีสติมากขึ้น

“เราใช้ความเป็น Drag Queen สื่อสารแนวคิดแฟชันที่ยั่งยืน หัวใจสำคัญไม่ใช่การซื้อใหม่ ใส่แล้วทิ้ง หรือแบนบริษัทที่ทำอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชันเสียทีเดียว แต่คือการซื้อให้น้อย เลือกให้ดี นำกลับมาใช้ซ้ำ และส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการ เพราะสำหรับกลุ่มพลัสไซส์ หรือคนที่ต้องการหาอุปกรณ์บางชิ้น ซึ่งหายากมาก แบรนด์เหล่านี้คือทางเลือกเดียวที่เข้าถึงได้จริง ”

ธราเทพ ทวีผล

ถ้าการเมืองดี ไทยจะมีจุดคานงัดไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

“วันชัย” กล่าวทิ้งท้ายว่า การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนที่สุดคือการหา “จุดคานงัด” เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและนโยบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องกล้าลงทุน

ยกตัวอย่างจากสแกนดิเนเวีย รัฐบาลของเขาลงทุนสร้าง “ทางจักรยาน” ที่เชื่อมโยงระหว่างกันได้อย่างสมบูรณ์ แม้ต้องใช้เวลานานกว่า 50 ปี แต่ผลตอบแทนที่ได้มานั้นน่าทึ่ง ลดภาระการเดินทาง การสร้างมลพิษ และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้อย่างมหาศาล ขณะที่พื้นที่จอดรถเดิม ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะ ที่ทำให้คนในประเทศเขามึคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับประเทศไทย “วันชัย” มองว่า จุดคานงัดที่ดีและมีความพร้อมอยู่แล้วของเรา คือ “ข้าวอินทรีย์ – ออร์แกนิก” เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ราคาสูง และสังคมมีความสนใจเรื่องนี้มานานกว่า 30-40 ปี แต่กลับติดปัญหาที่ไม่สามารถขยายผลผลิตได้จริง เนื่องจากติดปัญหาที่ บริษัทใหญ่ผูกขาด ทำให้ชาวนาเป็นหนี้และต้องพึ่งพาสารเคมี

แล้วถ้าเราจะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในไทย เราจะต้องเปลี่ยนอย่างไร ? “วันชัย” ขอยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ว่า เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาสิงคโปร์เจอปัญหาหมอกควันพิษข้ามพรมแดน รัฐบาลของเขาจึงออกกฎหมาย พระราชบัญญัติมลพิษจากหมอกควันข้ามพรมแดน ปี 2014″ (Transboundary Haze Pollution Act 2014) และเอาผิดอย่างจริงจังกับบริษัทสิงคโปร์ที่มีส่วนในการจุดไฟเผาป่าในต่างประเทศ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาหมอกควันพัดเข้ามา จนท้ายที่สุดคุณภาพอากาศภายในประเทศดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี

“ถ้าการเมืองดี ภาครัฐมีความกล้าหาญที่จะลงทุน สนับสนุนการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงโครงสร้าง ออกกฎหมายที่เด็ดขาด และมีกลไกบังคับใช้ที่มีประสิทธิภาพ เราอาจมีจุดคานงัดที่ดี”

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

แต่นอกเหนือจากการอาศัยความกล้าหาญเชิงนโยบายของรัฐ วงเสวนาเห็นตรงกันด้วยว่า อยากฝากให้ประชาชนช่วยกันติดตาม ตรวจสอบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะการตื่นตัวและการมีส่วนร่วมของทุกคน จะเป็นตัวกำหนดอนาคตสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเรา

บรรยากาศการรับฟังเสวนา “คอนเทนต์เปลี่ยนโลก Content Climate Crisis”

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active