UDDC เสนอเร่งสร้างสวนใน พื้นที่ 6 โซน กทม. พระโขนง-บางนา วิกฤตสุด พร้อมตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียว 24 ตร.ม./คน ประชาชนเข้าถึงสวนใน 15 นาที ‘แฮกเกอร์’ เสนอใช้พื้นที่ร้านสะดวกซื้อสร้างสวนขนาดเล็ก กระจายทั่วกรุง
วันนี้ (6 พ.ย. 2565) ที่งานประกาศรางวัล Greener Bangkok Hackathon 2022 ผศ.นิรมล เสรีสสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) กล่าวว่า พื้นที่สีเขียวใกล้บ้านคือส่วนสำคัญที่จะช่วยการเข้าถึงสวนสาธารณะได้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสวน 15 นาทีของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่จะให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสวนสาธารณะได้ในเวลา 15 นาที
“เมือง 15 นาที เป็นนโยบายเมืองในประเทศที่พัฒนาแล้วทำกันทั่วโลก ที่จะให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณะในเวลา 15 นาทีโดยหลายเมืองเริ่มต้นจากการเลือกทำสวนสาธารณะก่อน”
ผศ.นิรมล
ผศ.นิรมล กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน คนกรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียว 7 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งยังต่ำกว่ามาตรฐานโลกที่ควรมีพื้นที่สีเขียว 9 ตารางเมตรต่อคน การจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรือมีสวนเพิ่มมากขึ้นมี 3 โจทย์ใหญ่ที่ต้องทำคือ 1. การหาที่ดิน 2. งบประมาณ และ 3. จะทำจะเริ่มทำที่ตรงไหนก่อน
สำหรับการหาพื้นที่มาทำสวนมองว่าไม่ใช่เรื่องยาก หากใช้พื้นที่ของภาครัฐหรือพื้นที่ของกึ่งรัฐ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากนำที่ดินใต้ทางด่วนใน กทม.มาทำสวนจะสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ 8.9 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งใกล้เคียงกับมาตรฐานโลก แต่หากรวมพื้นที่วัดสนามกอล์ฟ ส่วนราชการอื่น ๆ มารวมอีกก็จะได้ 13 ตารางเมตรต่อคนซึ่งเกินกว่ามาตรฐาน
ถึงแม้จะสามารถนำที่ดินดังกล่าวมาทำมาทำสวนจนทำให้มีอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวเกินกว่ามาตรฐาน แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้คนกรุงเข้าถึงสวนได้ใน 15 นาทีเพราะคำนวณแล้วทำได้เพียงแค่ 30 นาที จึงเป็นที่มาที่ทำให้ต้องมีการแฮกกาธอน รวบรวมความคิดข้อเสนอจากคนกลุ่มต่าง ๆ หาทางทำให้เข้าถึงสวนได้ภายใน 15 นาทีด้วย 3 มาตรการคือ 1. มาตรการผังเมือง 2. มาตรการกฎหมายและ 3. มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ โดยมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 90 ทีม 66 ข้อเสนอ พบความเป็นไปได้ที่จะสามารถนำที่ดินทั้งของรัฐและเอกชนรวมแล้ว 21 รูปแบบ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพได้ถึง 24.5 ตารางเมตรต่อคนจึงเข้าถึงสวนได้ภายในระยะเวลา 15 นาที
โดยจากการทำ Mapping ข้อมูลพื้นที่สีเขียวใน กทม. จะพบว่าพื้นที่ 6 โซนที่ยังขาดสวนสาธารณะและเป็นพื้นที่มีชุมชนแออัดได้แก่ 1. พระโขนง บางนา 2.วังทองหลาง 3. สวนหลวง 4.บางกอกน้อย 5. ภาษีเจริญ บางแค และ 6.บางกอกใหญ่ ธนบุรี
ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะสามารถนำพื้นที่ที่อยู่ในข้อเสนอเหล่านั้นมาใช้ได้หรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ 100% แต่จะกลับไปดูกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ติดขัดและพยายามแก้เพื่อให้เปิดพื้นที่เหล่านั้นทำได้ปัจจุบันมีการตั้งคณะกรรมการนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเมืองขึ้นมาหรือ Bangkok policy Lab ข้อเสนอจากงานนี้จะถูกนำไปใช้จริงซึ่ง กทม.ได้หาพื้นที่ที่จะทำสวนเพิ่มมาแล้ว 15 แห่ง ตามนโยบายส่วน 15 นาที เบื้องต้นเห็นด้วยกับการที่จะต้องมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อ เพิ่มและพัฒนาสวนสาธารณะ โดยตั้งเป้าว่า ปี 2566 จะเริ่มดำเนินการได้และสับและต้องประเมินผลในปี 2568 โดยตั้งเป้าให้คนกรุงได้มีพื้นที่สีเขียว 24 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งถ้ากองทุนไม่ได้ผลก็ยุบได้
ภูมิรพี ไทยสีหราช นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากทีม HipStect ชนะการประกวดผลลัพธ์ด้านการออกแบบนำเสนอแนวคิดการทำสวนสาธารณะที่มีประโยชน์ใช้สอยเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมรอระบายไปพร้อมกัน โดยการใช้สวนสาธารณะเป็นพื้นที่หน่วงน้ำฝน เช่น ขุดที่ดินลงไปให้เป็นแอ่งและทำสโลปเป็นพื้นที่นั่งในช่วงที่ฝนไม่ตกก็จะกลายเป็นพื้นที่สันทนาการใช้สอยร่วมกันของคนในชุมชน แต่เมื่อฝนตกลงมาก็จะกลายเป็นที่กักเก็บน้ำ น้ำก็จะไหลลงมารวมอยู่ตรงนี้เป็นบ่อน้ำ แล้วก็สามารถจะระบายออกไป เมื่อเมื่อฝนหยุดหรือพร้อมที่จะระบายออกได้นอกจากนี้ยังออกแบบหลังคาสะพานลอย หรือป้ายรอรถเมล์เป็นหลังคากักเก็บน้ำ หากหลาย ๆ พื้นที่รวมกันก็จะช่วยหน่วงน้ำฝนที่ตกลงมาได้
ขณะที่ จิรายุส วงศ์เจริญสถิตย์ นิสิตคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทีมสวนพร้อมก่อ สุดหล่อพร้อมยัง ชนะรางวัลผลลัพธ์ด้านกลไกและการบริหารจัดการ เสนอแนวคิดร้านสะดวกสวน ซึ่งมองว่าร้านสะดวกซื้อมีอยู่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ และในพื้นที่แออัด บางร้านสะดวกซื้อบางแห่งเมื่อแยกประเภทแล้วมีทั้งขนาดกลางขนาดเล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีพื้นที่พอที่จะสามารถทำเป็นสวนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้ หากบริษัทเอกชนให้ความร่วมมือแต่ภาครัฐต้องมีมาตรการจูงใจภาคเอกชน เช่น มาตรการทางภาษีหรืออื่น ๆโดยจะออกแบบเป็นสวนหย่อมขนาดเล็กมีที่นั่ง ต้นไม้ หรือจะมีเครื่องออกกำลังกายและเครื่องเล่นเด็ก