คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เดินสายภาคอีสาน พบพรรคการเมือง รณรงค์สวัสดิการเด็กเล็ก บางพรรค เสนอลดงบฯ กองทัพ จัดสวัสดิการประชาชน
สุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ระบุว่า ประเทศไทยนั้น ในทุกกลุ่มคนมีสวัสดิการทั้งหมด ยกเว้นเด็กเล็ก ในช่วง 0-6 ปี ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ไขและขับเคลื่อน จึงเป็นข้อเสนอที่อยากนำเสนอกับพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลในอนาคต ประกอบด้วย สวัสดิการถ้วนหน้า ให้เด็กทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยได้รับการปกป้อง คุ้มครองและพัฒนา สนับสนุนเงินอุดหนุนตั้งแต่ในครรภ์มารดา – 6 ปี ให้เด็กเล็กได้รับการดูแล เงินอุดหนุนเด็กเล็ก 600 บาท ขอเปลี่ยนเป็น 3,000 บาทต่อเดือน
จากการสอบถามพ่อแม่ ผู้ปกครอง ถึงค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ รวมทั้งมีแม่อายุน้อย และแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้น จึงต้องมีการจัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ทั่วถึงและให้เด็กทุกคนในผืนแผ่นดินไทยมีโอกาสได้เข้าเรียนด้วย โดยย้ำว่า สวัสดิการเด็กเล็กได้รับ “ไม่ถ้วนหน้า” มาจากขั้นตอนราชการ
“เราไม่ต้องการประชานิยม พรรคการเมืองต้องมีแนวคิดสวัสดิการ ข้อเสนอเงินเด็กเล็กถ้วนหน้า พรรคการเมืองต้องคิดถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่จะได้รับการดูแล และพัฒนาการเด็ก คุณภาพศูนย์เด็กเล็ก ต้องขยายขอบเขต เวลาเปิด-ปิด สอดคล้องกับเวลาทำงานของแม่ และพี่เลี้ยงเด็ก”
สุนี ไชยรส
‘พลังประชารัฐ’ เน้นจัดการงบประมาณ เพื่อกลุ่มเปราะบาง
กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 8 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้นเด็กจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่า พลังประชารัฐมีนโยบายเน้นไปที่กลุ่มเปราะบาง
- แม่ที่ตั้งครรภ์ 5-9 เดือนละ 10,000 บาท ให้อย่างเท่าเทียม
- หลังจากแรกเกิด 0-6 ปี ให้เด็กสนับสนุนเท่าเทียมเดือนละ 3,000 บาท
- เพิ่มจำนวนและยกระดับศักยภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีประมาณ 50,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยจะเพิ่มจำนวนศูนย์เด็กเล็กให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขยายช่วงอายุของเด็ก ตั้งแต่ 6 เดือน-6 ปี และพัฒนาบุคลากร ซึ่งงบประมาณที่จะนำมาใช้มาจากการบริหารจัดการงบประมาณ ที่สามารถจะทำได้
‘ประชาธิปัตย์’ ย้ำ เดินหน้านโยบาย ต้องคำนึงถึงงบประมาณ
ธนชภา จันทวารา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์-ผู้สมัคร ส.ส. อำนาจเจริญ เขต 1 กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ คำนึงถึงการพัฒนาของคนทุกกลุ่ม ซึ่งกลุ่มเด็กยังขาดระบบสวัสดิการ ซึ่งพรรคเคยผลักดันเงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้ามาแล้ว แต่สำนักงบประมาณ ยืนยันว่า ไม่มีงบประมาณสำหรับนโยบายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางพรรคอาจไม่ได้สนับสนุนงบประมาณ แต่มีนโยบายสนับสนุน นมโรงเรียนให้มีนมดื่ม 365 วัน จนถึงอายุ 6 ปี
‘ประชาชาติ’ ผลักดันทุกช่วงอายุ สู่รัฐสวัสดิการ
รอมือละห์ แซเยะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคจะทำให้ทุกช่วงอายุมาสู่สวัสดิการแห่งรัฐ เด็กตั้งแต่ 0–6 ปี มีนโยบายที่ 3,000-4,500 บาท ส่วนช่วงอายุ 6-15 ปี อาจจะประมาณ 3,000 บาท ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีสวัสดิการให้ 3,000 บาท นอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายล้างหนี้ กยศ. และแปลงเงิน กยศ.เป็นทุนการศึกษา โดยพรรคมีแนวคิดนำงบฯ กลางมาดำเนินการในนโยบายนี้
‘ก้าวไกล’ ยัน เดินหน้ารัฐสวัสดิการ ปฏิรูประบบจัดเก็บภาษี
นัฏฐิกา โล่ห์วีระ ผู้สมัคร ส.ส. ชัยภูมิ เขต 1 พรรคก้าวไกล ยืนยัน มีนโยบายรัฐสวัสดิการ ตั้งแต่เกิดจนตาย เมื่อสวัสดิการของเด็กเล็กจำเป็นต้องได้รับอย่างถ้วนหน้า พรรคก้าวไกลมีคูปองรับขวัญคุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โดยคูปองรับขวัญนี้แม่สามารถเลือกสินค้าได้เองมูลค่า 3,000 บาท, ขยายวันลาคลอด เป็นสิทธิ์ที่ใช้แบ่งกันได้ทั้งพ่อแม่ ระยะเวลาทั้งสิ้นรวมกัน 180 วัน นอกจากนี้ เสนอประกันสังคมถ้วนหน้า ที่ขยายสิทธิ์การให้มีเงินชดเชยลาคลอด ให้แม่ที่เป็นแรงงานนอกระบบ 6 เดือน ๆ ละ 5,000 บาท, ส่งเสริมให้ท้องถิ่น ในพื้นที่มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กตอนกลางวัน หรือ เดย์แคร์ เพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ครอบคลุมมากขึ้น
ส่วนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า พรรคก้าวไกล เสนอว่า จำเป็นที่จะต้องมีสวัสดิการถ้วนหน้าที่ 1,200 บาทต่อเดือน สำหรับเด็ก 0-6 ปี ส่วนงบประมาณมาจากไหนนั้น ต้องปฏิรูประบบภาษี ตัดลดงบฯ กองทัพ งบฯ กลาง เพื่อให้สามารถมีสวัสดิการถ้วนหน้าให้กับทุกคนได้
‘เสรีรวมไทย’ ตัดงบฯ กองทัพ เพิ่มงบฯ สวัสดิการเด็กเล็ก
โตบูรพา สิมมาทัน ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า มีนโยบายที่จะพัฒนาเด็กเล็ก โดยจะนำงบประมาณจากกองทัพ มาจัดสรรให้กับนโยบายนี้
‘ชาติพัฒนากล้า’ ผันงบฯ ธุรกิจสีเทา เป็นงบฯ พัฒนาเด็ก
เยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนากล้า-ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนประชาชนให้ได้รับเงินเดือนสูงขึ้นในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยต้องมีเงินช่วยเหลือแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนลูกอายุถึง 8 ขวบ เดือนละ 2,000 บาท และจะเปลี่ยนชื่อศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นศูนย์พัฒนาและรับเลี้ยงดูเด็กทารก ต้องมีเทคโนโลยีเพื่อเข้าใจสถานการณ์เด็กรายบุคคล จัดทำ Big Data เด็กเชื่อมโยงข้อมูลเด็กตั้งแต่ฝากครรภ์ จนเข้ารับบริการในหน่วยงานต่าง ๆ เป็นต้น โดยพรรคมีนโยบายยุทธศาสตร์การเงิน เพื่อมาดำเนินการนโยบายนี้ ด้วยเศรษฐกิจเฉดสี ธุรกิจสีเทา เปลี่ยนเรื่องผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน จัดเก็บให้เป็นระบบ
‘เพื่อไทย’ เครดิตถุงเงิน-กระจายอำนาจท้องถิ่นช่วยดูแลเด็ก
ชัชวาล พรอมรธรรม ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคไม่ได้ดูแค่เด็กแรกเกิด แต่ต้องดูแลในช่วงที่เขาอยู่ในครรภ์ของมารดาด้วย รัฐจะต้องให้พ่อได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็ก สิ่งที่สามารถทำได้คือให้สิทธิ์พ่อ ได้รับการลางานเพื่อมีส่วนร่วมดูแลลูก อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐสามารถจัดทำได้คือ เครดิตถุงเงิน โดยรัฐสนับสนุนให้เครดิตถุงเงินกับผู้ที่ตั้งครรภ์ครบ 8 เดือน สามารถนำไปจัดหาสิ่งจำเป็น เช่น นมผง, วิตามิน, อุปกรณ์ดูแลเด็กเล็ก รวมทั้งการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นร่วมดูแลเด็ก เป็นต้น
ทั้งนี้ไม่เชื่อว่ารัฐจะมีงบประมาณไม่เพียงพอในการดูแลส่วนนี้ และนโยบายที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการ จะรับฟังจากเวที และการพบปะประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดทำเป็นนโยบายต่อไป
‘เสมอภาค’ ชงกฎหมายสวัสดิการประชาชน
บุญจันทร์ เช้าวันดี รองหัวหน้าพรรคเสมอภาค กล่าวว่า จะให้คนไทยทุกคนเกิดอย่างมีคุณภาพ อยู่อย่างมีคุณค่า และจากลาอย่างมีศักดิ์ศรี หากจะให้ประชาชนได้สวัสดิการจากรัฐอย่างชัดเจน รัฐบาลจะต้องถูกสั่งด้วยกฎหมายสวัสดิการประชาชน ที่ร่างไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งมีแนวคิดต่าง ๆ 54 นโยบายเสริม ที่จะให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับสวัสดิการ มีเงินอุดหนุนถ้วนหน้าอย่างน้อย 2,000-3,000 บาทต่อเดือน, ผู้หญิงก่อนคลอด 3 เดือนแรก และหลังคลอด จะได้ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน, ผู้สูงอายุ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น นอกจากนั้น จะมี พ.ร.บ.สภาหมู่บ้าน เพื่อให้ชาวบ้านบริหารจัดการตัวเองได้ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลสวัสดิการประชาชน
‘ไทยสร้างไทย’ เน้นปรับปรุงกฎหมาย เพื่อสวัสดิการประชาชน
สยมพร วรรณูปถัมภ์ ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคไทยสร้างไทย บอกว่า มีนโยบายดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ ซึ่งการดูแลเด็กเล็ก และการให้สวัสดิการถ้วนหน้าเด็กเล็ก 0-6 ปี ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่พรรคได้ประกาศไปแล้ว โดยพรรคจะใช้แนวทางในการปรับปรุงกฎหมาย เพื่อจะพัฒนาด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก, การให้ความสำคัญกับแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงคลอดบุตร การจัดพื้นที่ให้นมบุตร, ให้หยุดงานที่มีความเสี่ยงกับลูกในครรภ์