BKKCAW2025: ความตั้งใจของ ลีโอ ขยายอำนาจแก้โลกรวนให้กับทุกคน

ท่ามกลางความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ผลพวงจากอุณหภูมิโลกที่ร้อน ส่งผลให้สภาพอากาศรุนแรงขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ น้ำท่วมที่เกิดบ่อย หรือแผ่นดินทรุดที่เพิ่งเป็นข่าวใหญ่สำหรับคนกรุงเทพฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องย้อนถามตัวเองว่าจะรับมือ หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่นักวิชาการหรือผู้กำหนดนโยบายเพียงกลุ่มเดียว แต่ซ่อนอยู่ในพลังของ “ทุกคน” และนี่คือหัวใจสำคัญของสัปดาห์การลงมือทำเพื่อสภาพภูมิอากาศ กรุงเทพมหานครปี 2025 หรือ Bangkok Climate Action Week (BKKCAW) เทศกาลที่อยากทำให้เรื่องสภาพภูมิอากาศเข้าถึงทุกคน และเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถลุกขึ้นมามีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของได้จริง

The Active ได้พูดคุยกับ แดเนียล ลีโอ ฮอร์น พัธโนทัย หรือ ลีโอ ผู้ก่อตั้งและจัดงาน BKKCAW เพื่อถามถึงภาพในฝันของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกตลอดสัปดาห์สิ้นเดือนกันยายนนี้ ในมุมมองของผู้นำเข้ารูปแบบกิจกรรม Climate Action Week และนำทีมจัดงานในแบบฉบับ ‘กทม.’

จากลอนดอนสู่กรุงเทพฯ : จุดเริ่มต้น ณ อาเซียน

ลีโอ นำแรงบันดาลใจจากที่เขาเคยเป็นผู้ร่วมจัด London Climate Action Week มาสู่กรุงเทพฯ แต่เขาย้ำว่านี่ไม่ใช่งานที่สร้างขึ้นเพื่อคัดลอกโมเดลหรือกิจกรรมของเมืองอื่นมาแสดงที่กรุงเทพฯ แต่งานนี้ถูกออกแบบให้เป็น “เทศกาล” ของกรุงเทพฯ และอาเซียนโดยเฉพาะ

“เราเรียกมันว่าเทศกาล เพราะมันไม่ได้มีแค่งานเสวนาหรือเวิร์คช็อป ซึ่งก็มีอยู่บ้าง แต่ก็มีกิจกรรมหลากหลายอย่างงานวัฒนธรรม นิทรรศการที่เปิดมุมมองเรื่องโลกในมุมใหม่ ๆ” ลีโอ อธิบาย

ลีโอ มองว่า BKKCAW ไม่ได้เน้นการซ่อมแซมปัญหาที่คนรุ่นเราไม่ได้สร้างเท่านั้น แต่คือการชวนทุกคนมองเห็นว่า การลงมือทำคือการสร้างอนาคตที่ดีกว่า และนี่คือเหตุผลที่งานนี้ตั้งใจจะขยายพลังออกไปทั้งภูมิภาคอาเซียน เพราะเราต่างต้องการวิธีลงมือทำที่ใกล้เคียงกัน

“ความตั้งใจคือ อยากให้งาน BKKCAW มีมุมมองครอบทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย แค่ให้กรุงเทพฯ เป็นสถานที่จัดงาน เพราะว่าเรามีความคล้ายคลึงกันทั้งภูมิภาค ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ประวัติศาสตร์ร่วมกัน หรือในเชิงของปัญหาที่เราเผชิญ”

Bangkok Climate Action Week ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อนำชุดความคิดของสถานที่อื่น อย่างที่ลอนดอน นิวยอร์ค หรือแคมบริดจ์ ที่ก็มีการจัดงาน Climate Action Week มาปรับใช้กับพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่เป็นการเปิดให้เล่าเรื่องราวของเมืองกรุงเทพฯ ผ่านคนกรุงเทพฯ​ และเป็นกิจกรรมสำหรับคนกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง

“Living the Impacts, Leading the Change” (อยู่ร่วมผลกระทบ นำร่องการเปลี่ยนแปลง)

ธีมหลักของ BKKCAW ปีแรกปีนี้คือ “โลกร้อน เราลุก โลกลุก เราเปลี่ยน” สะท้อนความจริงที่ว่า เราทุกคนกำลังอาศัย “อยู่กับผลกระทบ” ของโลกร้อนอยู่แล้ว ภัยที่เกิดจากโลกร้อนไม่ใช่เรื่องในอนาคต ทุกสัปดาห์มีข่าวน้ำท่วม อากาศพิษ หรือภัยพิบัติสุดขั้ว แต่ในเวลาเดียวกันก็มีผู้คนมากมายที่ “นำการเปลี่ยนแปลง” มาเริ่มทำด้วยตัวเอง

“ถึงแม้ว่าโลกความจริงตอนนี้จะน่ากลัว แต่การลงมือทำก็มีอยู่จริง มีคนลุกขึ้นมาทำมากขึ้น มากขึ้น ไม่ใช่แค่รักษาสิ่งที่เสียไปแต่สร้างอะไรใหม่ ๆ ให้ดีกว่าเดิมด้วย” ลีโอ กล่าว

“มีหลายกลุ่มเริ่มลงมือแก้ปัญหาแบบเล็ก ๆ แต่เขาก็รู้สึกโดดเดี่ยวบ้าง เขาไม่ได้ถูกเชื่อมต่อกับระบบนิเวศของกลุ่มคนลงมือทำ นี่คือกลุ่มองค์กรตัวอย่างที่อาจจะทำอะไรตัวคนเดียว และไม่มีที่ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนหรือกลุ่มองค์กรที่ใหญ่กว่า”

BKKCAW จึงเป็นพื้นที่โชว์พลังการลงมือทำเหล่านี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้สังคมเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริงจากมือของผู้คน ด้วยระบบการเปิดรับสมัครองค์กร หน่วยงาน เครือข่าย หรือบุคคลทั่วไปมาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมจัดกิจกรรม ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ทั่วเมืองกรุงเทพฯ เพื่อผลักดันการลงมือทำเพื่อสภาพภูมิอากาศที่คนกรุงทุกคนมีอำนาจ

ลีโอ กล่าวว่า “เราอยากทำให้มันง่ายกับคนที่แคร์เรื่องนี้ คนที่กังวลเรื่องนี้ ที่จะลงมือทำ เหมือนเราอยากจะสร้างบันไดให้คนเริ่มก้าวแรก และเริ่มเข้าสู่หนทางให้เริ่มเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ลงมือทำจริง ๆ”

ในการจัดงาน BKKCAW ครั้งนี้นำโดย Just Transition Incubator (JUTI) บริษัทของ ลีโอ ที่จับมือกับกทม. ผู้อำนวยสถานที่ สื่อ หรือแขกผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ให้งานนี้เกิดขึ้น

พลังคนกรุงเทพฯ​ เหนือความคาดหมาย

ปีแรกของ BKKCAW ได้รับการตอบรับเกิดความคาดหวังของลีโอไปมาก จากกิจกรรมที่เสนอกว่า 270 รายการ คณะกรรมการคัดเลือกให้เหลือราว 230 กิจกรรม กระจายทั่วกรุงเทพฯ มากกว่าการจัดปีแรกของลอนดอนเสียอีก

สิ่งพิเศษคือ งานนี้ไม่ใช่งานที่ทีมผู้จัดเป็นคนทำกิจกรรมเอง แต่ทุกกิจกรรมล้วนมาจากองค์กรและกลุ่มคนที่อยากลุกขึ้นมาทำ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล่านิทานสำหรับเด็ก ชุมชนท้องถิ่น หรือองค์กรขนาดใหญ่ มาร่วมเป็นเครือข่ายผู้สร้างกิจกรรม (รูปแบบ Stakeholder-led event)

“ความพิเศษของ BKKCAW คือ เราเป็นเสมือนกล่องให้ใส่การลงมือทำของทุก ๆ คน ไม่มีใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยว หรือรู้สึกเหมือนทำอยู่คนเดียว”

ลีโอยอมรับความรู้สึก FOMO (fear of missing out) ของเขาในช่วงกิจกรรมนี้ว่า ไม่มีใครจะไปร่วมครบทั้ง 230 กิจกรรมได้รวมถึงตัวเขาด้วย แต่เขาแนะนำให้เริ่มจากการถามตัวเองว่า “อยากได้อะไรจาก BKKCAW”

  • สนใจอาหาร สามารถชิมอาหารจากเชฟมิชลินกรีนสตาร์ได้
  • ชอบดูหนัง มีเทศกาลฉายภาพยนตร์สิ่งแวดล้อม
  • เป็นพ่อแม่ มีเวิร์กช็อปหรือกิจกรรมสำหรับเด็กให้เข้าร่วม
  • อยากได้แรงบันดาลใจ ก็สามารถไปร่วมงานเวทีหลัก เวทีฟอรัม หรือเลือกไปฟังคนหรือประเด็นที่สนใจได้

“เรากำลังพยายามจะเอาสภาพภูมิอากาศออกจากกล่องของสภาพภูมิอากาศ และเอามันให้เข้าถึงทั้งสังคม”

ภายในกิจกรรม BKKCAW ก็จะมีโซนพื้นที่ที่รวบรวมหลาย ๆ กิจกรรม เป็นเสมือน ศูนย์กลางกิจกรรมอยู่ประมาณ 3 สถานที่ที่ ลีโอ แนะนำให้เข้าร่วม หรือลองเริ่มต้นจากจุดเหล่านี้

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ผู้ทำหน้าที่สื่อสารประเด็นสภาพภูมิอากาศผ่านศาสตร์ของศิลปะ สวนป่าเบญจกิติ ที่จัดงานเวทีกลาง สับเปลี่ยนประเด็นและผู้พูดในช่วงเย็นของแต่ละวัน และ พื้นที่แถบเอกมัย รวบรวมเครือข่ายกลุ่มชาวต่างชาติไว้ส่วนหนึ่ง

จาก 1 สัปดาห์ สู่ความยั่งยืนระยะยาว

ลีโอ ย้ำว่า BKKCAW ไม่ใช่แค่งานอีเวนต์ประจำปี แต่คือการสร้าง movement ที่ต่อเนื่อง งานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางระยะยาว

หลังจบงาน จะมีการติดตามผลและต่อยอดอย่างจริงจัง เช่น

  • จัดงานต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นหมุดหมายรายงานความคืบหน้าของสังคม เช่นเดียวกับที่ลอนดอน ที่ Climate Action Week กลายเป็นสัปดาห์รายงานการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐและเอกชน พร้อมกันทั่วเมือง
  • เปิดให้ภาคธุรกิจเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ใช่แค่ผู้สนับสนุน แต่เป็น “ผู้ลงมือทำ” ร่วมกับประชาชน
  • สนับสนุนโครงการต่อยอด เช่น กองทุน Action Fund สำหรับโปรเจกต์ระดับรากหญ้าหรือสำหรับกลุ่มเยาวชน และสร้างพื้นที่ให้สตาร์ทอัพสิ่งแวดล้อม

อีกจุดสำคัญคือการที่ กรุงเทพมหานคร (BMA) เข้ามามีบทบาทในการร่วมจัดงาน ลีโอ เล่าว่า BKKCAW ช่วยให้ กทม. เชื่อมโยงกับประชาชนได้โดยตรง เพื่อผลักดันมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องอาศัยความร่วมมือ เช่น การคัดแยกขยะหรือการจัดการเมืองสีเขียว

“แผนด้านสิ่งแวดล้อมของกทม. กว่าสองร้อยข้อต้องการความร่วมมือจากคนทั่วไปทั้งหมดเลย ถึงจะทำสำเร็จ ถ้า BKKCAW ให้ความมั่นใจกับกทม. ได้ว่าเขาสามารถดำเนินงานเรื่องนี้ได้เร็วขึ้นเพราะมีพลังจากคนกรุงเทพฯ นั่นน่าจะเป็นอีกผลลัพท์ที่ดีจากงานนี้”

ลีโอฝากท้ายถึงคนกรุงเทพฯ และคนไทยทุกคนว่า จุดประสงค์ของการกระจายอำนาจการลงมือทำให้ประชาชนทุกคน คือให้คนไม่ประเมินพลังตัวเองต่ำเกินไป เพราะทุกการลงมือทำเล็ก ๆ ก็มีความหมาย และเมื่อรวมพลังกัน มันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ได้

Bangkok Climate Action Week 2025 ช่วง 7 วันสั้น ๆ นี้ จึงไม่ใช่แค่เทศกาล แต่คือ การเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและเครือข่ายผู้จัดงานช่วงสัปดาห์การลงมือทำได้ทาง www.bangkokclimateactionweek.org และเข้าร่วมงานได้รอบเมืองกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 4 ตุลาคม 2568

The Active และ Thai PBS ร่วมเป็นหนึ่งในเครือข่ายจัดงาน Bangkok Climate Action Week 2025 โดยจัดกิจกรรม Green Active โลกร้อง เรารีแอด เล่าประเด็นสภาพภูมิอากาศของกรุงเทพมหานคร และให้ข้อมูลการลงมือทำแบบง่าย ๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ ที่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ ไทยพีบีเอส สำนักงานใหญ่

Author

Alternative Text
AUTHOR

อนวัช มีเพียร

รักโลก แต่รักคนบนโลกมากกว่า