นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหลังการยุบสภาฯ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 68 ตามรัฐธรรมนูญและ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น ไม่น้อยกว่า 30 วัน นับจนถึงวันเลือกตั้ง ในกรณียุบสภา หรือไม่น้อยกว่า 90 วัน ในกรณีสภาครบวาระ
ดังนั้นในการเลือกตั้ง วันที่ 8 ก.พ. 69 ผู้ที่ต้องการสมัคร สส. จึงต้องสังกัดพรรคภายใน 30 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือวันที่ 9 ม.ค. 69 เป็นวันสุดท้าย กรอบเวลาที่จำกัดนี้ ทำให้นักการเมืองที่ต้องการย้ายพรรคและผู้สมัครหน้าใหม่ เร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง

ในช่วงเวลานับวันถอยหลังสู่วันเลือกตั้งทั่วไป แต่ละพรรคเริ่มเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. และสมาชิกพรรค เผยให้เห็นเส้นทางย้ายขั้วเปลี่ยนค่ายของนักการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ ที่ถนนหลายสายมุ่งสู่พรรคภูมิใจไทย
หากพิจารณาตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2568 เมื่อพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลแทนที่พรรคเพื่อไทย จนประกาศยุบสภา 11 ธ.ค. 68 พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคที่เนื้อหอมมากที่สุด บรรดานักการเมืองรุ่นใหญ่ สส.บ้านใหญ่ ต่างหลั่งไหลย้ายพรรคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งจากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา แน่นอนว่า บรรดานักการเมืองไม่ได้ย้ายพรรคตัวเปล่า พวกเขาและเธอขนทีมงานและเครือญาติมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568 ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านใหญ่ที่สังกัดพรรคภูมิใจไทย และเป็นช่วงที่ อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงการจัดการวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่ได้
จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข วันที่ 30 พ.ย. 68 ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยภาคใต้ 8 จังหวัดรวม 170 คน โดยสงขลาสูงสุด 131 คน ยอดบาดเจ็บรวม 102 คน
ในวันเดียวกันนั้น นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็น เรื่อง “กระแสการเมืองภาคใต้” ว่าบุคคลที่ชาวใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีดังนี้
- อันดับ 1 ร้อยละ 32.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
- อันดับ 2 ร้อยละ 25.65 ระบุว่าเป็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
- อันดับ 3 ร้อยละ 15.40 ระบุว่าเป็น อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
ในส่วน พรรคการเมืองที่คนใต้จะสนับสนุน พบว่า
- อันดับ 1 ร้อยละ 28.60 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์
- อันดับ 2 ร้อยละ 28.45 ระบุว่า ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้
- อันดับ 3 ร้อยละ 17.80 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน
- อันดับ 4 ร้อยละ 11.65 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย
เป็นที่น่าสังเกตว่า นิด้าโพลสำรวจระหว่างวันที่ 18-24 พ.ย. 2568 คาบเกี่ยวกับช่วงเริ่มต้นมหาอุทกภัยหาดใหญ่และภาคใต้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าหากสำรวจหลังจากนั้น ความคิดเห็นสนับสนุนอนุทินกับพรรคภูมิใจไทยอาจน้อยกว่านี้
พรรคภูมิใจไทย บ้านใหม่ของบ้านใหญ่
สำหรับสวนดุสิตโพลที่สำรวจความคิดเห็นเรื่อง “พรรคการเมืองไทย พรรคใดได้เปรียบ” ในประชาชนกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน 1,794 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ช่วงวันที่ 19-21 พ.ย. 68 พบว่าพรรคภูมิใจไทยมีความได้เปรียบมากที่สุด
โดยเฉพาะด้านความพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล 41.36 % ความพร้อมด้านทรัพยากร 40.80 % และความสามารถในการทำงานทางการเมือง 35.79 % ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นักการเมืองจากหลากหลายพรรคหลั่งไหลมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย
สำหรับพรรคใหญ่อย่าง พรรคเพื่อไทย ที่ต้องเผชิญกับ “ภาวะสมองไหล” (Brain Drain) กำลังสูญเสียบุคคลดึงคะแนนเสียงในหลายเขตออกไปสังกัดพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย เช่น พงศกร อรรณนพพร (สส.ขอนแก่น) และ ลูกสาว สรัสนันท์ อรรณนพพร (สส.ขอนแก่น) โกศล ปัทมะ (สส.นครราชสีมา) พินิจ จันทรสุรินทร์ (สส.ลำปางหลายสมัย) หลังจากลงสมัครรับเลือกตั้งจังหวัดลำปาง ในนามพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2566 แต่แพ้ให้กับพรรคก้าวไกล ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
พร้อมทีมงานรวมทั้งคณะนักการเมืองท้องถิ่น เช่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) ลำพูน 5 คน ผู้สมัคร สส.ลำปาง 4 คน มาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค
หลังจากชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ (อดีต สส.อุบลราชธานี) ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปเป็นที่ปรึกษา ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ในเดือน ต.ค. 68 ต่อมาในเดือน พ.ย. สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ (สส.อุบลราชธานี) ผู้เป็นลูกสาว ได้เข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน
และในวันที่ 12 ธ.ค. 68 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.ฎ. ยุบสภา พ.ศ. 2568 เตรียมเดินหน้าเลือกตั้งใหม่ ไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ในวันเดียวกันนั้น สส.เพื่อไทยอีสาน ได้แก่ ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ (สส.ศรีสะเกษ) กิตติ สมทรัพย์ (สส.ร้อยเอ็ด) ประเสริฐ บุญเรือง (สส.กาฬสินธุ์) และนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร (สส.ศรีสะเกษ) ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย วันที่ 13 ธ.ค. พร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตพื้นที่เดิม
อีกทั้งในวันแรกที่ภูมิใจไทยเปิดรับสมัครสมาชิก 15 ธ.ค. 68 กฤษดา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี นำนักการเมืองในกลุ่ม รวมถึงมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ (สส.ปทุมธานี) ลูกชาย ที่เพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
เช่นเดียวกับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในช่วงที่พรรคเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียง นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่รวมถึง 4 ใน 25 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ที่โหวต อนุทิน ชาญวีรกูล ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แก่ สรรเพชญ บุญญามณี (สส. สงขลา) ลูกชายของนิพนธ์ บุญญามณี, สมยศ พลายด้วง (สส.สงขลา) และ ราชิต สุดพุ่ม (สส. นครศรีธรรมราช) ก็เป็นอีกกลุ่ม สส. ที่ย้ายพรรคสู่ภูมิใจไทย
ขณะเดียวกัน ก็มีกระเเสข่าวว่า ร่มธรรม ขำนุรักษ์ (สส.พัทลุง) จะย้ายมาด้วยเช่นกัน แต่เจ้าตัวประกาศว่าจะไม่ลง สส. ต่อ
อาจกล่าวได้ว่าภูมิใจไทยสามารถขยายฐานเสียงพื้นที่ภาคใต้ เป็นไปตามแผนของพรรคที่ต้องการมี สส.ภาคใต้ 30 ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของ สส.ในภาคใต้ ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสใหม่ให้กับนักการเมืองภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการไปสังกัดพรรคอื่น
ทางด้านพรรคพลังประชารัฐ ธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ได้นำกลุ่ม สส. และ ฐาปกรณ์ กุลเจริญ (สส. สมุทรปราการ) เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม และฤทธิรงค์ ภูมิสวัสดิ์ ที่ปรึกษาของ รมว.อุตสาหกรรม สมาชิกเทศบาลเมืองมหาสารคาม ต่างเดินทางเข้าสังกัดพรรค ขณะที่ อัคร ทองใจสด (สส.เพชรบูรณ์) มีกระแสข่าวว่าอาจมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. วันแรกที่ภูมิใจไทยเปิดรับสมัครสมาชิก สันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในโควตาบุคคลภายนอกของพรรคพลังประชารัฐ ได้นำอดีต สส. ในสังกัดมาสมัครเข้าร่วมกับพรรคเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ถือว่าเป็นพรรคสำคัญของบ้านใหญ่ที่ครองเสียงให้พื้นที่สุพรรณบุรีอย่างยาวนาน ต่างเดินทางเข้าร่วมงานกับภูมิใจไทยมากกว่า 10 คน ทั้ง วราวุธ ศิลปอาชา (หัวหน้าพรรค) นิกร จำนง (ผู้อำนวยการพรรค) อนุชา สะสมทรัพย์ (รองหัวหน้าพรรค สส. นครปฐม และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข) อนุรักษ์ จุรีมาศ (รองหัวหน้าพรรค และ สส.ร้อยเอ็ด) เสมอกัน เที่ยงธรรม (สส.สุพรรณบุรี) พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ (สส.นครปฐม) หลานชาย อนุชา สะสมทรัพย์ และศุภโชค ศรีสุขจร (สส.นครปฐม)
ขณะที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านั้นได้โหวตสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จำนวน 33 คน จากจำนวน สส. พรรค 36 คน ต่างย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยจำนวนมาก เช่น
ชุมพล จุลใส พร้อมอดีต สส. และกลุ่มบ้านใหญ่ชุมพร สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในเดือน ก.ย. 68 ทันทีที่ภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เช่น ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ (สส.เพชรบุรี) อภิชาติ แก้วโกศล (สส.เพชรบุรี) รวมทั้งชัยยะ อังกินันทน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี ไม่เพียงทำให้กลุ่มบ้านใหญ่ชุมพรสามารถเข้าถึงอำนาจรัฐได้ ภูมิใจไทยยังได้ฐานเสียงและกลไกการเลือกตั้งที่เข้มแข็งมากขึ้น
จุติ ไกรฤกษ์ (สส.บัญชีรายชื่อ และบ้านใหญ่พิษณุโลก ที่เคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 66) สุชาติ ชมกลิ่น (รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทยหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกฯ ซึ่งสุชาติได้เข้ามาช่วยภูมิใจไทยในการดูแลคัดสรรผู้ที่จะมาร่วมงาน
รวมทั้ง ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรค ที่ก่อนหน้านั้น เขาเป็นอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ามาทำงานเป็นหัวหน้าทีมผู้สมัคร สส. กทม ให้กับภูมิใจไทย
นอกจากนี้ยังมี สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ย้ายพรรคมายังภูมิใจไทยเป็นจำนวนมาก เช่น อนุชา บูรพชัยศรี (สส.บัญชีรายชื่อและอดีต สส.กรุงเทพฯ) สุรพล บุญมา (สส.นครนายก) ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู (สส.บัญชีรายชื่อและอดีต สส.แพร่) จิรวุฒิ สิงห์โตทอง (สส.ชลบุรี) กุลวลี นพอมรบดี (สส.ราชบุรี) อัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ (สส.ราชบุรี) ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ (สส.เพชรบุรี) อภิชาติ แก้วโกศล (สส.เพชรบุรี) พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล (สส.นครศรีธรรมราช) พิพิธ รัตนรักษ์ (สส.สุราษฎร์ธานี) พันธ์ศักดิ์ บุญแทน (สส.สุราษฎร์ธานี) ศาสตรา ศรีปาน (สส.สงขลา) วัชระ ยาวอะหะซัน (สส.นราธิวาส) เกรียงยศ สุดลาภา (สส.บัญชีรายชื่อ)
เท่ากับว่า จากเดิมที่พรรคภูมิใจไทยมีฐานเสียงภาคอีสานจำนวนมากระดับหนึ่ง เช่น จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีบ้านใหญ่ชิดชอบ ตระกูลการเมืองตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นฐานที่มั่น มีเนวิน ชิดชอบ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ซึ่งในการเลือกตั้งปี 66 พรรคภูมิใจไทยสามารถกวาด สส. ยกจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แผ่ขยายฐานเสียงในภูมิภาคอีสานมากขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นฐานที่มั่นของเพื่อไทยมานาน รวมทั้งภาคใต้ที่เคยเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ
เช่นเดียวกับภาคตะวันออกที่ สนธยา คุณปลื้ม และ แกนนำกลุ่มบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี รวมทั้งปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง และบ้านใหญ่ระยอง ได้แสดงตัวร่วมงานทางการเมืองในวันที่พรรคภูมิใจไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 1 /2568 เมื่อวันที่ 23 พย. และในวันที่ 15 ธ.ค. วันแรกที่ภูมิใจไทยเปิดรับสมัครสมาชิก ได้นำสนธยา ว่าที่ผู้สมัครสส.ชลบุรี ทั้ง 10 เขต เปิดตัวที่พรรค
โดยที่ก่อนหน้านั้น ในการเลือกตั้ง ปี 2566 สนธยา คุณปลื้ม พร้อมกับ สุกุมล คุณปลื้ม ผู้เป็นภรรยาได้เปิดตัวร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย พร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร สส. จำนวน 10 คน
พรรคกล้าธรรม พรรคใหม่วัยสร้างตัว
พรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นพรรคขนาดกลางของธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่ม สส. ที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐในช่วงปลายปี 67 เป็นอีกพรรคที่กำลังเป็นพรรคใหญ่และสร้างขั้วอำนาจใหม่ในการต่อรองทางการเมืองสำหรับรัฐบาลผสม เนื่องจากพรรคกล้าธรรมเน้นการเมืองบ้านใหญ่ ทำให้มีนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ หลั่งไหลมาเข้าสังกัด ในฐานะพรรคทางเลือก เช่นกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ (สส.ชลบุรี จากพรรคประชาชน) ในพฤษภาคม 68
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคประชาธิปปัตย์ ในช่วงที่กำลังเสื่อมถอยความนิยมลงเรื่อย ๆ สมาชิกพรรคหลายคนไม่เพียงลาออกจากพรรคไปซบภูมิใจไทย แต่บางส่วนยังทยอยมายังพรรคกล้าธรรม เช่น
เฉลิมชัย ศรีอ่อน (อดีตหัวหน้าพรรค) ได้ย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรมของ ธรรมนัส พรหมเผ่า หลังไม่มีชื่อของทั้ง 2 คนในคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่โดยมี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้า และ กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค (ที่ได้ย้ายออกจากพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว และ กลับไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์)
สำหรับ เดชอิศม์ ขาวทอง (สส.สงขลา และอดีตเลขาธิการพรรค) ที่เข้ามาปรากฎตัวที่พรรคกล้าธรรม แม้ประกาศจะไม่ลงสมัครเลือกตั้ง 69 แต่ส่งลูกชาย คือ นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ลงสมัครแทน
การเข้ามามีส่วนร่วมของเฉลิมชัย ศรีอ่อน และ เดชอิศม์ ขาวทองนั้น ทำให้พรรคกล้าธรรมมีแนวโน้มจะเป็นบ้านใหม่ของ สส. บ้านใหญ่ปักษ์ใต้ประชาธิปัตย์อย่างจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และสงขลา ซึ่งไม่เพียงเสริมกำลังให้กับพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ แต่ได้ช่วยขยายฐานเสียงให้กับพรรคในภาคตะวันออกและภาคอีสาน
เพราะ อดีต สส. และอดีต สจ. กลุ่มของเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ย้ายเข้ามา กล้าธรรม อาทิ
ภาคอีสาน : วุฒิพงษ์ นามบุตร อดีต (สส.อุบลราชธานี) ชาตรี หล้าพรหม (อดีต สส.สกลนคร)
ภาคใต้: ประมวล พงษ์ถาวราเดช (สส.ประจวบคีรีขันธ์) จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ (สส.ประจวบคีรีขันธ์ และอดีตรองเลขาธิการพรรค) จักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ (อดีต สส.ประจวบคีรีขันธ์) ฐิตินัย ตั้งบูรพากิจ (สจ.ประจวบคีรีขันธ์) ว่าที่ร้อยโทยุทธการ รัตนมาศ (อดีต สส.นครศรีธรรมราช) สุพัชรี ธรรมเพชร (อดีต สส.พัทลุง) ยูนัยดี วาบา (สส.ปัตตานี) พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ (สส.สงขลา)
รวมทั้ง เจนจิรา รัตนเพียร (อดีตโฆษกพรรคประชาธิปัตย์) มนตรี ปานน้อยนนท์ (อดีตรองหัวหน้าพรรคด้านภารกิจ) และ จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มาร่วมด้วย
นอกจากนี้พรรคกล้าธรรมยังได้รับนักการเมืองเล็กน้อยมาจากพรรคไทยสร้างไทย คือ อดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ และ หรั่ง ธุระพล (สส. จังหวัดอุดรธานี) ที่เคยมาร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่ออนุทินหลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กลายมาเป็นฝ่ายค้าน มีกระเเสข่าวว่า ทั้ง 2 คน จึงย้ายไปอยู่พรรคกล้าธรรม รวมถึง รำพูล ตันติวณิชชานนท์ (อดีต สส.อุบลราชธานี)
สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ย้ายมาพรรคนี้เช่น ชัยณรงค์ สืบสุรีย์กุล ผู้สมัคร สส.เพชรบูรณ์ ในการเลือกตั้งทั่วไป 2566 ได้ย้ายไปเป็นผู้สมัครพรรคกล้าธรรม
ต่อมาในวันที่ 12 ธ.ค. 68 เมื่อราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พ.ร.ฎ. ยุบสภา พ.ศ. 2568 ก็ได้รับนักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ เข้ามาเพิ่ม
- พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ จักรัตน์ พั้วช่วย (สส.เพชรบูรณ์), ปริญญา ฤกษ์หร่าย (สส.กำแพงเพชร) และ กาญจนา จังหวะ (สส.ชัยภูมิ)
- พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่ สัญญา นิลสุพรรณ (สส.นครสวรรค์) ปรเมษฐ์ จินา (สส.สุราษฎร์ธานี) และ สินธพ แก้วพิจิตร (สส.นครปฐม)
- พรรคประชาธิปัตย์ เช่น สุพัชรี ธรรมเพชร (สส.พัทลุง) ยุทธการ รัตนมาศ (สส.นครศรีธรรมราช) และ วุฒิพงษ์ นามบุตร (สส.อุบลราชธานี) ซึ่งเป็น สส. ที่อยู่ในกลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน
สำหรับ ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ (สส.บัญชีรายชื่อ) และสันต์ แซ่ตั้ง (สส.ชุมพร) อดีตพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากย้ายมายังสังกัดภูมิใจไทยสักพัก ก็มีข่าวลือว่า จะย้ายมาพรรคกล้าธรรม เนื่องจากปัญหาเขตพื้นที่เลือกตั้งทับซ้อนกัน
พรรคพลังประชารัฐ
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ได้ต้อนรับบ้านใหญ่ตระกูล “อยู่บำรุง” ในเขตบางบอน-หนองแขม หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 พ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกลคะแนนทิ้งห่างมากถึง 20,000 คะแนน ในปี 2567 วัน อยู่บำรุง ได้ย้ายจากพรรคเพื่อไทยมายังพลังประชารัฐ และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพ ควบกรรมการบริหารพรรค
จากนั้น เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเคยโหวตสวนมติพรรคเพื่อไทย ให้อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากพรรคเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. และสมัครเข้าพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค 68
พรรคเพื่อไทย
แม้เพื่อไทยจะต้องเผชิญ “ภาวะสมองไหล” แต่ยังได้ “บ้านใหญ่อัศวเหม” โดยการนำของวัฒนา อัศวเหม เข้ามาทำงานเพื่อประคับประคองฐานเสียง ซึ่งบ้านใหญ่อัศวเหมไม่เพียงมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคภูมิใจไทย แต่ยังครองตำแหน่งสำคัญ ๆ ในการเมืองท้องถิ่น เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ ได้จำนวนมาก โดยที่ก่อนหน้านี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยแพ้ยกจังหวัดสมุทรปารการให้กับพรรคก้าวไกล
พรรคไทยสร้างไทย
ในวันที่ 1 ธ.ค. 68 ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), ซึ่งเคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แสดงตัวว่าเข้ามาช่วยผลักดันนโยบายด้านความมั่นคงให้กับพรรคไทยสร้างไทย
พรรครักชาติ
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจาก สส. บัญชีรายชื่อพรรค วันที่ 24 พ.ย. 68 แม้มีกระแสข่าวว่า จะไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย แต่วันที่ 10 ธ.ค. 68 เขา ประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ “พรรครักชาติ” มีตำแหน่งหัวหน้าพรรค และจะเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรค
ณภัทร ชุ่มจิตตรี หนึ่งในกรรมการบริหารพรรค เคยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคพลังประชารัฐ หลังไม่ได้รับการเลือกตั้งจึงลาออกจากพรรค
พรรคพลวัต
หลังจากพรรคเป็นธรรม ปลด กัณวีร์ สืบแสง ออกจากเลขาธิการพรรค 3 ธ.ค. 68 และได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. เขาได้ย้ายมาสังกัดพรรคพลวัต จากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี วันที่ 15 ธ.ค. 68 กัณวีร์ ได้รับมติพรรคให้เป็นหัวหน้าพรรค สำหรับ สรยุทธ เพ็ชรตระกูล อดีตเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ได้เป็นเลขาธิการพรรคพลวัต ขณะที่ สุรพันธ์ ไวยากรณ์ อดีต สส.จังหวัดนนทบุรี พรรคประชาชน ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้า
ย้ายค่าย เปลี่ยนขั้ว ดูดคน แต่สุดท้ายประชาชนคือผู้เลือก
เนื่องจากระบบพรรคการเมืองไทยมีความยืดหยุ่นสูง พรรคการเมืองไม่ได้มีสภาวะเป็นสถาบันทางการเมืองที่ชัดเจน ไปจนถึงนักการเมืองจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญกับการเข้าถึงอำนาจรัฐ และการชนะเลือกตั้งมากกว่าความภักดีต่อพรรคและอุดมการณ์ทางการเมือง
รวมทั้งระบบบ้านใหญ่ยังคงมีความสำคัญต่อคะแนนเสียง ซึ่งทำให้การย้ายค่าย เปลี่ยนขั้ว ดูดคน จึงไม่ใช่ปรากฎการณ์ใหม่ แต่เป็นอีกยุทธศาสตร์หนึ่งในช่วงใกล้เลือกตั้ง จนอาจกล่าวได้ว่าการย้ายพรรคของนักการเมือง เป็นอีกวัฒนธรรมประเพณีหนึ่งของการเมืองไทย
พรรคการเมืองที่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลหรือมีแนวโน้มจะได้จัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง มักมีนักการเมืองจากพรรคอื่น ๆ ย้ายพรรคมาสังกัด เพื่อเข้าถึงอำนาจรัฐ
เช่น ในปี 2567 ช่วงที่เพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล พายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัคร สส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ย้ายเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยและดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค เช่นเดียวกับ วัฒนา ช่างเหลา อดีตผู้สมัคร สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกแล้วสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ขอนแก่นในนามพรรคเพื่อไทย
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ในช่วงก่อนเลือกตั้ง ปี 66 มีหลายพรรคการเมืองย้ายเข้ามาสังกัดพรรคภูมิใจไทยเป็นจำนวนมาก เช่น
- ปฐมพงศ์ สูญจันทร์ สส. นครปฐม ประทวน สุทธิอำนวยเดช สส. ลพบุรี พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ สส. กรุงเทพมหานคร จากพรรคพลังประชารัฐ
- จักรพรรดิ ไชยสาส์น สส. อุดรธานี ธีระ ไตรสรณกุล สส. ศรีสะเกษ นิยม ช่างพินิจ สส. พิษณุโลกจากพรรคเพื่อไทย
- วิรัช พันธุมะผล ฐิตินันท์ แสงนาค กฤติเดช สันติวชิระกุลจากพรรคก้าวไกล/อนาคตใหม่
- บุณย์ธิดา สมชัย จากประชาธิปัตย์
- เดชทวี ศรีวิชัย จากเสรีรวมไทย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายประการที่นักการเมืองเลือกที่จะย้ายพรรค เช่นกระแสทางการเมือง กระแสความนิยมของพรรคเดิม ไปจนถึงความสัมพันธ์ภายในของพรรคเดิมที่เคยอยู่ ที่เป็นตัวเร่งให้นักการเมืองย้ายออก
อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์ทางการเมือง ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 และเลือกตั้งท้องถิ่นปี 2563 หลังจากการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ เว้นว่างมายาวนาน เพราะคำสั่ง คสช. ที่ทำให้นายกและสมาชิก อบจ. ปฏิบัติหน้าที่ต่อจากวาระที่ควรหมดไปตั้งแต่ปี 2556
ผลการเลือกตั้งในปี 2562 และ 63 นั้น พรรคการเมืองใหม่และผู้สมัครหน้าใหม่ได้รับคะแนนเสียงจำนวนมาก รวมทั้งนายกเทศมนตรี นายกท้องถิ่นที่เคยอยู่มายาวนานหลายแห่งสอบตก เผยให้เห็นพลังความคาดหวังที่สูงขึ้น ต่อความเปลี่ยนแปลงและคุณภาพของการบริหารประเทศและท้องถิ่น
และเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้เห็นว่า ชาวบ้านประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก เลิกยึดติดตัวบุคคลและ อำนาจเดิม กล้าหาญที่จะเลือกและพร้อมที่จะทดลองผู้สมัครใหม่ ๆ จากเดิมที่การเมืองท้องถิ่น เป็นเรื่องของความเชื่อถือตัวบุคคลและบ้านใหญ่ ความสัมพันธ์แบบเครือญาติความใกล้ชิด
รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่เป็นปรากฏการณ์พลิกภูมิทัศน์การเมืองไทย ผู้สมัครหน้าใหม่จำนวนมากได้รับการเลือกตั้งแทนนักการเมืองบ้านใหญ่ ที่เคยครองพื้นที่ในหลายจังหวัดมาอย่างยาวนาน เช่น จังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ภูเก็ต
ดังนั้นในการเลือกตั้งระดับประเทศและท้องถิ่นในปี 69 ที่กำลังจะมาถึง แม้การโยกย้ายพรรค เปลี่ยนขั้ว ดูดนักการเมืองบ้านใหญ่จะยังคงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเอาชนะการเลือกตั้ง แต่ผู้ที่มีบทบาทและปัจจัยสำคัญที่สุดในการชี้ขาดว่านักการเมืองคนใดและพรรคการเมืองใดเหมาะสมที่สุดคือ ประชาชน
สรุปรายชื่อสส. อย่างน้อย 81 คน ย้ายพรรค
| รายชื่อ | ประเภท (บัญชีรายชื่อ / จังหวัด) | พรรคล่าสุด (ในระบบฐานข้อมูลของรัฐสภา) | ย้ายพรรคล่าสุด |
|---|---|---|---|
| รำพูล ตันติวณิชชานนท์ | อุบลราชธานี เขต 9 | ไทยสร้างไทย | กล้าธรรม |
| กฤษฏิ์ ชีวะธรรมานนท์ | ชลบุรี เขต 6 | ประชาชน | กล้าธรรม |
| ว่าที่ร้อยโท ยุทธการ รัตนมาศ | นครศรีธรรมราช เขต 4 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ | ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| ประมวล พงศ์ถาวราเดช | ประจวบคีรีขันธ์ เขต 3 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| ยูนัยดี วาบา | ปัตตานี เขต 4 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| สุพัชรี ธรรมเพชร | พัทลุง เขต 1 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| ชาตรี หล้าพรหม | สกลนคร เขต 2 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ | สงขลา เขต 8 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| วุฒิพงษ์ นามบุตร | อุบลราชธานี เขต 2 | ประชาธิปัตย์ | กล้าธรรม |
| ปริญญา ฤกษ์หร่าย | กำแพงเพชร เขต 4 | พลังประชารัฐ | กล้าธรรม |
| กาญจนา จังหวะ | ชัยภูมิ เขต 4 | พลังประชารัฐ | กล้าธรรม |
| จักรัตน์ พั้วช่วย | เพชรบูรณ์ เขต 2 | พลังประชารัฐ | กล้าธรรม |
| พันโท สินธพ แก้วพิจิตร | นครปฐม เขต 2 | รวมไทยสร้างชาติ | กล้าธรรม |
| สัญญา นิลสุพรรณ | นครสวรรค์ เขต 3 | รวมไทยสร้างชาติ | กล้าธรรม |
| ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | กล้าธรรม |
| ปรเมษฐ์ จินา | สุราษฎร์ธานี เขต 5 | รวมไทยสร้างชาติ | กล้าธรรม |
| อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล | บัญชีรายชื่อ | ประชาชน | พลวัต |
| สุรพันธ์ ไวยากรณ์ | นนทบุรี เขต 1 | ประชาชน | พลวัต |
| กัณวีร์ สืบแสง | บัญชีรายชื่อ | เป็นธรรม | พลวัต |
| ศุภโชค ศรีสุขจร | นครปฐม เขต 1 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ | นครปฐม เขต 3 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| อนุชา สะสมทรัพย์ | นครปฐม เขต 5 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| วราวุธ ศิลปอาชา | บัญชีรายชื่อ | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| อนุรักษ์ จุรีมาศ | ร้อยเอ็ด เขต 1 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| สรชัด สุจิตต์ | สุพรรณบุรี เขต 1 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ | สุพรรณบุรี เขต 2 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| นพดล มาตรศรี | สุพรรณบุรี เขต 3 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| เสมอกัน เที่ยงธรรม | สุพรรณบุรี เขต 4 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| ประภัตร โพธสุธน | สุพรรณบุรี เขต 5 | ชาติไทยพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| ประสาท ตันประเสริฐ | นครสวรรค์ เขต 6 | ชาติพัฒนา | ภูมิใจไทย |
| สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ | ตรัง เขต 3 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| ราชิต สุดพุ่ม | นครศรีธรรมราช เขต 1 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| สรรเพชญ บุญญามณี | สงขลา เขต 1 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| สมยศ พลายด้วง | สงขลา เขต 3 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| อวยพรศรี เชาวลิต | นครศรีธรรมราช เขต 9 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| สมบัติ ยะสินธุ์ | แม่ฮ่องสอน เขต 2 | ประชาธิปัตย์ | ภูมิใจไทย |
| ทวี สุระบาล | ตรัง เขต 2 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| สุธรรม จริตงาม | นครศรีธรรมราช เขต 6 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| คอซีย์ มามุ | ปัตตานี เขต 2 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ | เพชรบูรณ์ เขต 1 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| บุญชัย กิตติธาราทรัพย์ | เพชรบูรณ์ เขต 3 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| วรโชติ สุคนธ์ขจร | เพชรบูรณ์ เขต 4 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ | เพชรบูรณ์ เขต 5 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| อัคร ทองใจสด | เพชรบูรณ์ เขต 6 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| วิริยะ ทองผา | มุกดาหาร เขต 1 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| ชัยมงคล ไชยรบ | สกลนคร เขต 5 | พลังประชารัฐ | ภูมิใจไทย |
| ประเสริฐ บุญเรือง | กาฬสินธุ์ เขต 6 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| สรัสนันท์ อรรณนพพร | ขอนแก่น เขต 9 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| อนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ | ชลบุรี เขต 5 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| พลตำรวจตรี สุรพล บุญมา | นครนายก เขต 1 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| เกรียงไกร กิตติธเนศวร | นครนายก เขต 2 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| โกศล ปัทมะ | นครราชสีมา เขต 6 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ | ปทุมธานี เขต 5 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| นรากร นาเมืองรักษ์ | ร้อยเอ็ด เขต 4 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| กิตติ สมทรัพย์ | ร้อยเอ็ด เขต 6 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ | ศรีสะเกษ เขต 4 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร | ศรีสะเกษ เขต 9 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| อรรถพล วงษ์ประยูร | สระบุรี เขต 2 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ | อุบลราชธานี เขต 7 | เพื่อไทย | ภูมิใจไทย |
| จิรวุฒิ สิงห์โตทอง | ชลบุรี เขต 4 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| วิชัย สุดสวาสดิ์ | ชุมพร เขต 1 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| สุพล จุลใส | ชุมพร เขต 3 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล | นครศรีธรรมราช เขต 10 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| วัชระ ยาวอหะซัน | นราธิวาส เขต 1 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| อนุชา บูรพชัยศรี | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| เกรียงยศ สุดลาภา | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| จุติ ไกรฤกษ์ | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ | บัญชีรายชื่อ | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| พงษ์มนู ทองหนัก | พิษณุโลก เขต 3 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ | เพชรบุรี เขต 1 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| จ่าอากาศเอก อภิชาติ แก้วโกศล | เพชรบุรี เขต 3 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| กุลวลี นพอมรบดี | ราชบุรี เขต 1 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ | ราชบุรี เขต 4 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| ศาสตรา ศรีปาน | สงขลา เขต 2 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| กานสินี โอภาสรังสรรค์ | สุราษฎร์ธานี เขต 1 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| พิพิธ รัตนรักษ์ | สุราษฎร์ธานี เขต 2 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| พันธ์ศักดิ์ บุญแทน | สุราษฎร์ธานี เขต 4 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
| ธานินท์ นวลวัฒน์ | สุราษฎร์ธานี เขต 7 | รวมไทยสร้างชาติ | ภูมิใจไทย |
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง


