FTA​ Watch​ จับตากลไกตลาด​บีบไทยซื้อวัคซีนจีน​



สธ.ยันคนไทยได้วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกกุมภาพันธ์นี้ ภาคประชาชนติง​ราคาแพง​-ยังไม่ได้รับใบรองประสิทธิ​ภาพ​ วอนสาธารณชน​ช่วยกันตรวจสอบ​



นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหา/ซื้อและเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนหลายแห่งเพื่อให้ได้วัคซีนตามเป้าหมายครอบคลุมประชาชนไทย ร้อยละ 50 ภายในปี 2564 ผลการเจรจาภายในเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ไทยจะได้รับวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโดส ถ้าเป็นไปตามแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์จะได้รับวัคซีน 2 แสนโดสแรก ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง และในเดือนมีนาคมจะได้รับอีก 8 แสนโดส เดือนเมษายนอีก 1 ล้านโดส โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมาย

ส่วนการทำสัญญาจองซื้อวัคซีนล่วงหน้ากับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 26 ล้านโดสนั้น จากเดิมจะได้รับวัคซีนในไตรมาสที่ 2 แต่จากการเจรจาจะได้วัคซีนมาเร็วกว่ากำหนด ทยอยส่งตามแผนการฉีดวัคซีน โดยมีองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้จัดส่งและกระจายวัคซีนไปยังสถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการจัดหาวัคซีนจากแหล่งอื่น ๆ จาก COVAX Facility อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขและเจรจาต่อรอง และได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่ม เพื่อให้ได้วัคซีนครอบคลุมประชาชนไทยร้อยละ 50 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธาน FTA Watch



ด้าน​ น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธาน FTA Watch เปิดเผยกับ​ The​ Active​ ว่าท่ามกลางข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ​ต้องบริหารการจัดซื้อวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพและเจรจาให้ได้ราคาที่เป็นธรรมมากที่สุด​ โดยเบื้องต้นเห็นด้วยกับการจัดซื้อวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ในราคา 5 ดอลลาร์ต่อโดส เนื่องจากนอกจากได้วัคซีน​แล้วยังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่ในระยะยาวหากจะซื้อล็อตใหม่ควรได้ราคาที่ต่ำกว่า​ เพราะมีการประเมินว่าในช่วงปลายปี 2564 วัคซีนโควิดจะล้นตลาดทำให้มีราคาถูกลง

ส่วนกรณีการซื้อวัคซีน​ซิโนแวค​ จากประเทศจีน 2​ ล้านโดส​ มีข้อกังวลว่าของจีนยังไม่ค่อยมีรายงานผลการทดลองในมนุษย์​ แม้จีนจะใช้วัคซีน​บริษัทนี้ฉีดให้กับประชากรประเทศตน​ แต่อย่างไรก็ตาม​ ในฐานะคนที่ทำงานด้านการฟื้นฟู​ การรักษา​ ก็ยังอยากเห็นว่าประสิทธิภาพประสิทธิผล​ เป็นอย่างไร​

ครั้งนี้​ การฑูตวัคซีนที่จีนทำไม่ได้ทำกับไทย​ แต่เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้ 2,000 โดส​ฟรี อินโดนีเซียได้เป็นล้านโดสแต่ของไทยเป็นการซื้อ​ และซื้อในราคาที่แพงประมาณ 1,000 บาทต่อโดส​ ก็อยากฝากสาธารณชน​ช่วยกันตรวจสอบ​ เพราะว่าการซื้อวัคซีนถึงแม้ว่าเป็นช่วงที่มีความจำเป็น​ แต่เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นประโยชน์สมเหตุสมผลมากที่สุด​ก็ต้องถูกตรวจสอบ

บริษัทวัคซีนก็มักจะใช้กลไกการตลาด​ บีบให้ประเทศต่าง ๆ​ ต้องทำสัญญาซื้อวัคซีนในราคาแพงแต่เนิ่น ๆ ในกลุ่ม FTA​ Watch​ ก็มีการคุยกันในประเด็นนี้โดยยกตัวอย่าง วัคซีนมะเร็ง ปากมดลูก หรือ​ HPV ประเทศแอฟริกา​ ลาว​ กัมพูชา ที่ฉีดหมดแล้วโดยไม่ต้องสั่งซื้อเขาก็จะแถมให้​ แต่พอประเทศระดับกลาง ๆ​ ต้องซื้อในราคาแพงต่อรองลำบาก​ เพราะต่อรองมากไม่มีของให้​ นี่เป็นกลยุทธ์ธรรมดาของบริษัทวัคซีน​ เพราะช่วงโอกาสแบบนี้​ เป็นโอกาสทำเงินของเขาเพราะฉะนั้นเราต้องเท่าทัน



น.ส.กรรณิการ์​ กล่าว​อีกว่า​ อยากให้ใจเย็น ๆ สักนิด​ ไม่ใช่ว่าเห็นตอนนี้​ ที่ไหนเขาฉีดกันแล้วเราก็จะฉีดบ้าง ควรดูให้รอบคอบมากขึ้น​ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของยา​ สารเคมี​ และความปลอดภัย​ รวมถึงเรื่องของการคุ้มครองผู้บริโภค ด้วย​ โดยข้อมูลจาก​ CDC ระบุการฉีดวัคซีนโควิด​-19​ จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต่อเมื่อฉีดให้กับประชากรจำนวน 80-85% ไล่เรียงมาตั้งแต่กลุ่มที่อยู่แนวหน้า กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป แต่ไม่ควรฉีดให้กับเด็ก

ล่าสุด สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า บริษัท ซิโน ไบโอ ฟาร์มาซูทิเคิล ลิมิเตด ธุรกิจเวชภัณฑ์ ของบริษัท ซีพี ฟาร์มาซูติเคิล กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้ลงทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ​ ประมาณ 1.54 หมื่นล้านบาท​เข้าเป็นผู้ถือหุ้น 15% ของบริษัทซิโนแวค ไลฟ์ ไซแอนซ์ (Sinovac Life Sciences) ซึ่งเป็นหน่วยผลิตวัคซีนโคโรนาแวค (CoronaVac) ในเครือ ซิโนแวค ไบโอเทค​ นอกจากบริษัทซีพีแล้ว ยังมีกองทุนของจีน แอดวานซ์เทค แคปิตอล​ และ กองทุนของสหรัฐ วีโว่ แคปิตอล ที่ร่วมลงทุนกับ​ ซิโนแวค ไลฟ์ ไซเอนซ์ โดยเข้าถือหุ้นบริษัทละ 6.3%

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS