ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ชี้ หากเป็นซากเชื้อไม่แพร่กระจายต่อ เผย 200 เคสหายป่วยโควิด-19 พบเชื้อตาย 6% ไม่มีคนใกล้ชิดติดเชื้อ
วันนี้ (20 ส.ค. 2563) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อรายเดิม 2 ราย ที่ตรวจพบสารพันธุกรรม (RNA) หลังกักตัวครบ 14 วันใน State Quarantine หรือสถานกักตัวของรัฐ ว่า หากสารพันธุกรรมที่พบดังกล่าวมีจำนวนน้อยนิด และเป็นเชื้อตายก็จะไม่แพร่กระจายเชื้อต่อ แต่หากสารพันธุกรรมเป็นเชื้อที่ยังมีชีวิตแม้เพียงน้อยนิดก็ยังสามารถแพร่กระจายต่อได้
ปัจจุบันการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ใช้การทำ SWAB คือ เก็บเนื้อเยื่อโพรงจมูกเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรม แต่การตรวจดังกล่าวก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเชื้อที่พบยังมีชีวิตอยู่ หรือเป็นเชื้อตายไปแล้ว
“ที่ผ่านมาจากโครงการเก็บพลาสมาของผู้ป่วยโควิด ที่หายดีจำนวน 200 กว่าคน พบ RNA ที่ยังหลงเหลืออยู่เพียง 12-13 คน หรือร้อยละ 6 เท่านั้น และคนรอบข้างก็ไม่มีใครติดต่อเชื้อ”
ส่วนระยะเวลาของการเพาะเชื้อโควิด-19 เป็นเวลานานเท่าไรนั้น บางรายอยู่ใน State Quarantine ก็ตรวจไม่พบเชื้อ จึงอยากแนะนำให้คนไทยที่เข้ารับการกักตัวเมื่อครบ 14 วันกลับมาถึงบ้านแล้วให้กักตัวต่อไปอีก 14 วัน เพื่อเก็บตกเชื้อที่อาจยังมีอยู่
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันผลการตรวจของผู้ติดเชื้อรายเดิมที่เป็นหญิงรายที่ 1 หลังนำสารพันธุกรรมมาเพาะเชื้อต่อปรากฏว่า เป็นเชื้อตาย ขณะที่อีกรายเตรียมแถลงข่าวในช่วงเวลา 18.00 น. วันนี้ ซึ่งทั้ง 2 รายดังกล่าว ก็ได้มอบหมายให้สาธารณสุขจังหวัด ของภูมิลำเนา ทั้ง 2 รายลงไปสืบสวนโรค และหาผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อรายเดิมเพื่อกักตัวดูอาการแล้ว โดยระบุยืนยันว่ายังไม่เป็นการระบาดรอบ 2 เพราะยังเป็นผู้ป่วยรายเดิม