รองปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ เผย เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน #savevoicetv ทะยานติดอันดับทวิตเตอร์
วันนี้ (20 ต.ค. 2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ส่งหลักฐานเป็นคลิปวีดิโอ และภาพนิ่ง ที่เป็นการนำเสนอข่าวของสำนักข่าว 4 แห่ง ประกอบด้วย วอยซ์ทีวี เดอะสแตนดาร์ด เดอะรีพอร์ตเตอร์ และประชาไท รวมถึง 1 เพจเฟซบุ๊ก คือ ประชาชนปลดแอก free youth ในระหว่างการชุมนุม เมื่อวันศุกร์ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา
เบื้องต้น กระทรวงฯ เห็นว่า ข้อมูลที่ส่งให้ศาลนั้น เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14 นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งในวันนี้ (20 ต.ค.) ศาลมีคำสั่งให้ปิดทุกแพลตฟอร์มในสื่อออนไลน์ของสำนักข่าววอยซ์ทีวี ส่วนรายอื่น ๆ ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่ง
สำหรับสำนักข่าววอยซ์ทีวี ยังสามารถนำเสนอข่าวได้ แต่ต้องเปิดบัญชีผู้ใช้ใหม่ และต้องนำเสนอข่าวหรือข้อมูลให้เป็นไปตามกฎหมาย
ส่วนโปรแกรมเทเลแกรม ที่กลุ่มผู้ชุมนุมใช้ในการนัดหมายชุมนุม กระทรวงฯ มีคำสั่งปิดให้บริการ 4 บัญชีผู้ใช้ นอกจากนี้ จะส่งคำสั่งศาล ไปให้เจ้าของแพลตฟอร์มต่าง ๆ พิจารณาดำเนินตามคำสั่งของศาลต่อไป
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ หลังมีการเผยแพร่ข่าวกรณีดังกล่าว พบว่า แฮชแท็ก #savevoicetv และ #VoiceTV กำลังได้รับความนิยมติดอันดับในทวิตเตอร์
ด้านความเคลื่อนไหวของ วอยซ์ทีวี มีการเผยแพร่แถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. โดย เมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ระบุว่า ขณะนี้บริษัท วอยซ์ทีวี ยังไม่ได้รับเอกสารคำสั่งศาลแต่อย่างใด และยืนยันว่าสิ่งที่ยึดถือปฏิบัติ เป็นการทำหน้าที่ตามวิชาชีพสื่อ ไม่มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือทำลายความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด
ด้าน พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กอร.ฉ. ได้ประสานกับทางกระทรวงดิจิทัลฯ ให้ดำเนินการเปิดบัญชีผู้ใช้ที่ผ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 58 บัญชี ประกอบด้วย เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บไซต์ ทั้งนี้ ยังพบการกระทำในลักษณะที่เรียกว่า looting หรือ การปล้นสะดม ซึ่งเป็นการชุมนุมชักชวนให้เข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการหรือร้านค้า ซึ่งถือว่ากระทำเช่นนี้เป็นการยุยงปลุกปั่นในโลกออนไลน์ ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดข้อหาลักทรัพย์ จึงขอเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมอย่ากระทำดังกล่าว พร้อมกันนี้ ขอขอบคุณกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนที่คอยห้ามปรามกลุ่มที่จะกระทำผิดดังกล่าวด้วยเช่นกัน