รับเฉพาะอาการหนัก 30 คน รักษาใน รพ. ที่เหลือกว่า 500 คน ไม่มีอาการ-อาการน้อย ให้ล่ามเมียนมาส่งอาหาร ‘เอ็นจีโอ’ จี้ เร่งสร้าง รพ.สนาม
วันนี้ (20 ธ.ค. 2563) นพ.กิตติ กรรภิรมย์ สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 5 เปิดเผยว่า 8 จังหวัดใกล้เคียงจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน เพื่อค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกภายใน 3 วัน ครอบคลุมจำนวน 10,300 คน สำหรับผู้ติดเชื้อ จำนวน 500 กว่าคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติที่อยู่ภายในตลาดกลางกุ้ง ส่วนมากไม่มีอาการ จำนวนนี้มีเพียง 30 คน ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนที่เหลือมีแนวทางให้กักบริเวณอยู่ภายในตลาดกลางกุ้ง ไม่ให้เคลื่อนย้ายไปไหน แล้วใช้วิธีการให้ล่ามภาษาเมียนมา เข้าไปส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอด 14 วัน
ขณะเดียวกันมีเตียงรองรับผู้ป่วย จากโควิด-19 ถึง 1,000 เตียง และมียา หน้ากากอนามัยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมใช้เป็นเดือน ไม่มีขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม อดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ทำงานด้านประชากรข้ามชาติ กล่าวว่า การกักบริเวณแรงงานเพื่อนบ้านที่ติดเชื้อโควิด-19 น่าจะมาจากเหตุผลว่าไม่สามารถเตรียมโรงพยาบาลสนามได้ทัน ระบบสาธารณสุขไม่เพียงพอที่จะรองรับได้ จึงเอาไว้รองรับเพียงผู้ป่วยที่มีอาการหนักเท่านั้น ข้อมูลปัจจุบัน ที่ได้รับการยืนยัน คือ จะใช้โรงพยาบาลนครท่าฉลอม เป็นโรงพยาบาลสนามหลักในการรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิค-19 อาการหนักในพื้นที่ ซึ่งเตรียมไว้ทั้งหมด 50 เตียง โรงพยาบาลสมุทรสาครอีก 20 เตียง โรงพยาบาลกระทุ่มแบนอีก 10 เตียง และโรงพยาบาลบ้านแพ้ว 10 เตียง รวมเป็น 90 เตียง แต่ก็ยังมีข้อเสนอ ว่าควรเปิดโรงพยาบาลสนามเพื่อรับการรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบ และน่าจะมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้มากกว่าการกักบริเวณ
ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวถึงแนวทางในการรักษาผู้ติดเชื้อในการจัดการผู้ติดเชื้อที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ในการแถลงข่าว ว่าอาจต้องใช้โมเดลแบบประเทศสิงคโปร์ ที่พบการระบาดในแรงงานเพื่อนบ้านที่มาทำงานเป็นกลุ่มก้อนในหอพักจำนวนนับหมื่นคน จนต้องปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าวไว้ แล้วคัดเฉพาะผู้ที่มีอาการหนักมารับการรักษาในโรงพยาบาล