ผัดฟ้อง 3 เยาวชน คดีชุมนุม 15 ต.ค.

ศาลเยาวชนฯ อนุญาตผัดฟ้อง 3 แกนนำนักเรียน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชุมนุมแยกราชประสงค์ เยาวชน ยืนยัน เดินหน้าเคลื่อนไหว แม้คดีติดตัว

“จริง ๆ คิดว่าอาจจะแย่กว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ำ เพราะว่าตามกระบวนการ ศาลมีสิทธิที่จะควบคุมตัว แต่อัยการก็แถลงต่อศาลว่าไม่ประสงค์จะควบคุมตัวผู้ต้องหา ซึ่งศาลเห็นด้วยตามนั้น ทำให้พวกเราไม่ต้องถูกควบคุมตัว”

คือ ความเห็นของ ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือ “มิน” หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “นักเรียนเลว” และยังเป็น 1 ในผู้ต้องหาเยาวชน อายุ 18 ปี ความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเปิดเผยกับ The Active ภายหลังอัยการสั่งผัดฟ้องคดีออกไปก่อน ตามที่ผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เพื่อให้สอบพยานเพิ่มเติม โดยศาลนัดฟังคำสั่งอีกครั้ง 13 ม.ค. 2564 ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ หากสั่งฟ้อง จะส่งสำนวนให้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางพิจารณา

คดีนี้ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน คือ เยาวชน อายุ 18 ปี 1 คน และอายุ 16 ปี 2 คน ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งกลุ่ม “นักเรียนเลว” และ “นักเรียนไท” หลังพนักงานสอบสวนได้ยื่นสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสมควรฟ้อง ให้พนักงานอัยการพิจารณาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ในความผิดฐานฝ่าฝืนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 9 จากการขึ้นปราศรัยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2563 บริเวณแยกราชประสงค์ อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท

เขายังสะท้อนว่า ที่ผ่านมา พบว่ามีการใช้กฏหมายเพื่อสร้างอุปสรรคให้กับนักกิจกรรมไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ยิ่งส่งเสริมให้สังคมเกิดความหวาดกลัว ซึ่งได้ใส่ประเด็นนี้เข้าไปในหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการด้วย แต่สุดท้ายไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามหยุดยั้งการจัดกิจกรรม หรือการออกมาเคลื่อนไหว โดยกลุ่มนักเรียนเลวและแนวร่วม ยืนยันว่า แม้จะมีคดีติดตัว แต่จะยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อสิทธิ เสรีภาพ และการศึกษาต่อไป

เมื่อถามว่าในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะมีการปรับรูปแบบการเคลื่อนไหวอย่างไร ลภนพัฒน์ กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าจะขยับได้มากน้อยแค่ไหน แต่กิจกรรมในโลกออนไลน์ยังคงมีแน่นอน อย่างการรับเรื่องร้องเรียนกรณีคุกคามสิทธิเสรีภาพในสถานศึกษา การร่วมร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับประชาชน ที่จะมีการแถลงข่าวเร็ว ๆ นี้ แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่าแนวร่วมกลุ่มอื่น ๆ ก็น่าจะมีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากกลุ่มนักเรียนเลวด้วย

“ปีที่ผ่านมา มีกลุ่มนักเรียนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบบการศึกษาที่ล้าหลัง ซึ่งเรามองว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่ดีมาก ๆ เพราะมันแปลว่า มีนักเรียนที่เข้าใจ และตระหนักในปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองมากขึ้นในทุก ๆ วัน”

ขณะที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองในปี 2564 เขากล่าวว่า จะยังคงเดินในเส้นทางนี้จนกว่า 3 ข้อเรียกร้อง คือ หยุดคุกคามนักเรียน ยกเลิกกฎระเบียบที่ล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา ได้เข้าไปสู่การพิจารณาและประกาศใช้ ซึ่งคงเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก แต่ไม่มีอะไรหยุดความเคลื่อนไหวได้ ส่วนที่มีเสียงชื่นชมการเคลื่อนไหวของเยาชนในรุ่นนี้ว่าเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ คงต้องให้คนในอนาคตมองกลับย้อนกลับมาว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันทำให้อนาคตดีขึ้นหรือเปล่า

Author

Alternative Text
AUTHOR

อรุชิตา อุตมะโภคิน

ตามหาความเสมอภาคผ่านงานทั้งศาสตร์และศิลป์ พยายามทำความเข้าใจปรากฏการณ์รอบตัว