พีมูฟ ลั่น หากไม่เป็นไปตามเป้า พร้อมปักหลักชุมนุมไร้กำหนด ชู “ไล่โว่โมเดล” แก้ปมกะเหรี่ยงบางกลอย ด้าน “กลุ่มอนุรักษ์เพชรบุรี” เคลื่อนไหวปกป้องป่าแก่งกระจาน
8 มี.ค. 2564 – ที่ทำเนียบรัฐบาล จำนงค์ หนูพันธ์ ประธานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ เปิดเผยว่าคณะทำงานแก้ไขปัญหาพีมูฟ โดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ วาระสำคัญในที่ประชุม คือ การแก้ปัญหากะเหรี่ยงบางกลอย หลังชาวบ้านบางกลอยล่าง 36 ครัวเรือน จำนวน 70 คน อพยพกลับ บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากนั้น ถูกข่มขู่คุกคามชาว มีปฏิบัติการสนธิกำลังเข้าจับกุมชาวบ้านตามหมายจับ 30 คน ในข้อหาบุกรุกป่า ผิด พ.ร.บ.อุทยานฯ แม้เพิ่งมีการเซ็นบันทึกข้อตกลงหรือ MOU เพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอยที่ลงนามโดยร้อยเอก ธรรมนัส และ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาใด ๆ อีก
เขาบอกอีกว่า ความคาดหวังที่อยากเห็นข้อสรุปจากที่ประชุม คือ ความชัดเจนในอำนาจของ ร้อยเอก ธรรมนัส ว่ามีความสามารถในการที่จะตัดสินใจในเรื่องใดได้บ้างในปัญหาบางกลอย เพราะที่ผ่านมาเห็นการโยนเรื่องไปมาระหว่างหน่วยงาน ไม่เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง โดยอย่างน้อยวันนี้ (8 มี.ค.) คาดหวังคำสั่งที่ชัดเจน ในจำแนกกลุ่มคนในปัญหาบางกลอย เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก กลุ่มที่สามารถปรับตัวได้ กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ต้องการที่ดินเพิ่มเติมในพื้นที่บางกลอยล่าง และ กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่ต้องการอพยพกลับที่ใจแผ่นดิน เพื่อการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างตรงจุดและไม่เกิดความขัดแย้ง โดยหาก ร้อยเอก ธรรมนัส ไม่สามารถ แก้ไขปัญหาได้ ก็พร้อมคุยโดยตรงกับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากผลสรุปในที่ประชุมไม่เป็นไปตามเป้า ก็พร้อมที่จะปักหลักชุมนุมเรียกร้องอยู่ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอย่างไร้กำหนด
ประธานพีมูฟ กล่าวต่อไปว่า ยอมรับว่าการแก้ปัญหาจะเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญ คือ ทัศนคติการจัดการป่าของข้าราชการ กรมอุทยานฯ มีความก้าวหน้ามากกว่านี้ เพราะเชื่อว่าคนกับป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้
ถอดบทเรียน “กะเหรี่ยงไล่โว่” บทพิสูจน์ไร่หมุนเวียน อยู่คู่ “ทุ่งใหญ่” ไร้ความขัดแย้งอุทยานฯ
วุฒิ บุญเลิศ หนึ่งในคณะกรรมการแก้ไขปัญหากะเหรี่ยงบางกลอย ในฐานะตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ บอกว่า ต้นแบบการทำไร่หมุนเวียนของกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นผืนป่าตะวันตกที่รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่อยู่ร่วมกันได้คู่ไปกับการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถูกนำมาพูดถึงในที่ประชุมของคณะทำงานแก้ไขปัญหาฯ ด้วย โดยหวังเป็นโมเดลนำไปปรับใช้กับการแก้ไขปัญหากะเหรี่ยงบางกลอยในผืนป่าแก่งกระจาน
“กะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขตทุ่งใหญ่นเรศวรที่อาศัยอยู่ทั้งตำบลไลโว่ ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นข้อพิสูจน์ว่า การทำไร่หมุนเวียนของชาติพันธุ์ กะเหรี่ยงไม่ได้ทำลายป่าอย่างที่กรมอุทยานฯ เข้าใจ และขอเชิญชวนข้าราชการ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปทบทวนบทเรียนจากไล่โว่โมเดล”
กลุ่มอนุรักษ์เพชรบุรี หนุน รัฐบาล save ป่าแก่งกระจาน ตามกฎหมาย
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวในวันนี้ (8 มี.ค.) ที่ จ.เพชรบุรี ชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มศก.เพชรบุรี และ องค์กรอนาคตเพชรบุรี ได้ยื่นหนังสือขอบคุณนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีปฏิบัติการจับกุมและดำเนินคดีชาวบ้านบางกลอย บุกรุกพื้นที่ป่าบางกลอยบน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม
พิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รายงานต่อผู้บังคับบัญชา กรณีกลุ่มดังกล่าว นำโดย สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานชมรมอนุรักษ์ฯ และอดีต ส.ว. จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย สุรพล นาคนคร ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี และภาคีเครือข่าย #SAVEแก่งกระจาน ป่าของโลก เพื่อคนทั้งโลก เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอบคุณการทำงานของทุกภาคส่วนที่ยับยั้งการบุกรุกป่าต้นน้ำแก่งกระจาน
ประธานองค์กรอนาคตเพชรบุรี เป็นตัวแทนอ่านคำแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เปิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรบุรี โดยสนธิกำลังร่วมกันจากหน่วยงาน ต่าง ๆ ได้ปฏิบัติงานในครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความรุนแรง หรือสูญเสียใด ๆ และยังได้คืนผืนป่าแก่งกระจาน ซึ่งไม่ใช่เป็นป่าของชาวเพชรบุรีเท่านั้น แต่คือป่าของคนทั้งโลก ทางกลุ่มฯ จึงขอขอบคุณ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา, วราวุธ ศิลปอาชา, ยุทธพล อังกินันทน์ (ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) รวมถึง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมดำเนินการ โดยกลุ่มประกาศเจตนารมณ์ที่จะเคียงข้างการปฏิบัติการใด ๆ ที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ป่าไม้ สัตว์ป่า ให้คงอยู่ ยั้งยืน ตลอดไป โดยมี ประธานชมรมอนุรักษ์ฯ เป็นผู้ยื่นหนังสือขอบคุณ และเป็นกำลังใจในการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมป่าแก่งกระจาน