หลังภาคประชาสังคมทวงถามกรมทรัพย์สินทางปัญญา ต้องปฏิเสธคำขอสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาทันที ห่วงไทยขาดยารักษาโควิด-19 หากไม่ยกคำขอฯ รัฐบาลต้องประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2564 นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรอบที่ 3 ในไทย จำนวนผู้ติดเชื้อฯ และผู้ที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว จำนวนยาฟาวิพิราเวียร์ที่ไทยเคยนำเข้าหลายแสนเม็ด เริ่มมีคำสั่งให้ รพ. ต่าง ๆ ใช้อย่างประหยัด องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ภาคประชาสังคม และนักวิชาการที่ทำงานส่งเสริมการเข้าถึงยา เรียกร้องให้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ตัดสินใจยกคำขอรับสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์ด่วน เปิดทางองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เร่งผลิต
มูลนิธิเข้าถึงเอดส์และเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ ทวงถามกรมทรัพย์สินทางปัญญาอีกครั้ง หลังจากที่เคยยื่นเอกสารข้อมูลที่ยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ควรได้สิทธิบัตรให้กับอธิบดีเมื่อ 17 ก.ค. 2563 และได้เข้าพบอธิบดีเพื่อให้เร่งการพิจารณาเมื่อ 26 ม.ค. 2564 เพราะประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดโควิด-19 อีกระลอกและจำเป็นต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์อีกจำนวนมาก
เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า จนถึงวันนี้ กรมฯ ยังไม่มีคำตัดสินออกมา และยังให้โอกาสบริษัทยาแก้ไขเอกสารคำขอฯ ได้อีก เป็นการซื้อเวลาออกไปอีก
ถ้าการพิจารณาคำขอสิทธิบัตรยังล่าช้าอยู่เช่นนี้ ตัวแทนภาคประชาสังคมเรียกร้องรัฐบาลให้ประกาศใช้มาตรการใช้สิทธิโดยรัฐ หรือ “ซีแอล” กับยาฟาวิพิราเวียร์ อย่างที่เคยประกาศใช้ในปี 2549 – 2550 เพื่อนำเข้าหรือผลิตยาเอง และนำมารักษาผู้ป่วย นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลพึงกระทำ
“กรณีนี้ถือว่าเป็นวิกฤตของประเทศ รัฐบาลต้องกล้าประกาศใช้ซีแอล เราจะหวังพึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้ รัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์และมองการแก้ปัญหาของประเทศอย่างฉลาดกว่านี้”
เขากล่าวอีกว่า องค์การเภสัชกรรม มีความพร้อมที่ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ โดยได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ไปแล้ว และคาดว่าจะได้รับทะเบียนตำรับยาในเดือนกันยายนนี้
บริษัทยาในอินเดียหลายบริษัทสามารถผลิตยาฟาวิพิเวียร์ได้เช่นกัน ยาฟาวิพิราเวียร์ที่จะผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมหรือที่ขายแล้วโดยบริษัทยาในอินเดียมีราคาถูกว่าที่ไทยซื้ออยู่อย่างน้อยมากกว่า 50% ในขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ไทยสั่งล็อตต่อไปจะมาจากญี่ปุ่นภายใน เม.ย. นี้
เฉลิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่เพียงไม่ช่วยแก้ปัญหาวิกฤตโรคระบาด แต่กำลังทำสิ่งที่สวนทางกับโลก
ในร่าง พ.ร.บ.สิทธิบัตร ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญายกร่าง ได้แก้ไขให้ใช้มาตรการซีแอลได้ยากขึ้น ภาวะโควิด-19 แสดงให้เห็นแล้วว่า การผูกขาดด้วยสิทธิบัตรเป็นปัญหา ชิลี อิสราเอล เอกวาดอร์ และรัสเซียประกาศใช้มาตรการซีแอลกับยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ป้องกันและรักษาโควิด-19 แล้ว เยอรมนี แคนาดา อินโดนีเซีย ออก พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ให้แก้ไข พ.ร.บ.สิทธิบัตร เพื่อลดขั้นตอนให้ประกาศใช้มาตรการซีแอลได้ง่ายขึ้น ในองค์การการค้าโลก แอฟริกาใต้ และอินเดียยื่นข้อเสนอต่อองค์การการค้าโลก ให้ระงับการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท เพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการเข้าถึงยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ ที่ใช้ต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ซึ่งสมาชิกองค์การการค้าโลกกว่าครึ่งสนับสนุน
ในร่าง พ.ร.บ.สิทธิบัตร กรมทรัพย์ทรัพย์สินทางปัญญา แก้ไขโดยที่การประกาศใช้สิทธิโดยรัฐ (มาตรการซีแอล) ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน ซึ่งในกฎหมายปัจจุบันไม่ต้องผ่านความเห็นชอบฯ หน่วยราชการระดับกระทรวงและกรมสามารถประกาศได้ มิหนำซ้ำกรมทรัพย์สินฯ ยังแก้ไขให้เจ้าของสิทธิบัตรฟ้องต่อศาลขอให้ระงับการประกาศใช้มาตรการซีแอลได้ด้วย ทั้งนี้ มาตรการซีแอลถือเป็นอำนาจของรัฐที่ใช้เพื่อคุ้มครองประชาชน เมื่อประเทศเกิดวิกฤตหรือภาวะฉุกเฉินเพราะสิทธิบัตรเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงยา
นอกจากนี้ ในความตกลง CPTPP ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และรัฐสภามีความเห็นชอบแล้วว่าประเทศไทยไม่ควรเข้าร่วม แต่รัฐบาลยังดื้อดึงพยายามที่จะเจรจาขอเข้าร่วมโดยไม่ฟังเสียทัดทาน การใช้มาตรการซีแอลอาจถูกใช้เป็นเหตุในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายผ่านอนุญาโตตุลการได้ และไทยจะต้องมีค่าใช้จ่ายด้านยามากขึ้นนับหมื่นล้าน เพราะเงื่อนไขในความตกลง CPTPP