เชื่อตั้งโจทย์ผิด สะท้อนแนวคิดการศึกษาถอยหลัง 100 ปี แนะ 3 ข้อเสนอ เปิดโอกาสครูแชร์ประสบการณ์ ปรับการเรียนรู้ฝ่าวิกฤต ให้อิสระเด็กได้พักสมอง ประสานสถาบันผลิตครู สนับสนุนจัดการเรียนรู้ช่วยครูในระบบ
กรณีกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมจัด อบรมออนไลน์เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับครู บุคลากรทางการศึกษา “สร้างทางเลือกการศึกษา ก่อนเปิดภาคเรียน ฝ่าวิกฤตโควิด-19” ระหว่างวันที่ 12 – 28 พ.ค.นี้ โดยมีวิทยากร ติวเตอร์ชื่อดัง ร่วมสร้างแรงบันดาลใจ สร้างแนวทางการเรียนรู้ก่อนเปิดเทอมนั้น
วันนี้ (10 พ.ค.64) ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมแท็กชื่อ “ตรีนุช เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งข้อสังเกตต่อการจัดโปรแกรมอบรมครูทั่วประเทศดังกล่าว โดยระบุถึงวิธีการคัดเลือกวิทยากร ซึ่งระดมครูจากสถาบันกวดวิชา และเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมจากสถาบันเอกชน มาอบรมครูในระบบ ซึ่งจากการศึกษานโยบายพัฒนาครูในหลายประเทศตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีประเทศใดใช้แนวทางนี้
“ธรรมชาติของงานที่ติวเตอร์ทำ กับครูเต็มเวลาในโรงเรียนทำต่างกันมาก การดึงพวกเขามาไม่ใช่ความผิดพวกเขาเลย แต่มันสะท้อน ว่า การกำหนดนโยบายยังขาดความเข้าใจเรื่องการศึกษา และไม่ได้กำหนดนโยบายบนฐานปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยม ปฏิรูปนิยม และมนุษยนิยมใหม่ อันเป็นหัวใจของการศึกษากระแสหลักที่มีคุณภาพทั่วโลก รวมทั้งระบุ อยู่ใน พ.ร.บ.การศึกษาฉบับปัจจุบัน กิจกรรมตามนโยบายนี้ สะท้อนชุดความคิดที่ยังติดอยู่ในโลกของการศึกษา 100 ปีที่แล้ว ที่คิดว่าต้องหาวิธีถ่ายทอดอธิบาย วิเคราะห์ให้ฟัง มองงานสอนเป็นงานเชิงเทคนิค วิธีการมากกว่าการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน”
ผศ.อรรถพล ยังอธิบายถึงแนวทางพัฒนาครูประจำการ (In-service Teacher Development) ในระดับนานาชาติ ที่เน้นการสร้างความแข็งแกร่งของชุมชนเรียนรู้ของครู (TLC : Teacher Learning Community) ใช้การสืบสอบ (Inquiry) การวิจัยชั้นเรียน (ClassroomResearch) การศึกษาบทเรียน (Lesson Study) ทำให้ครูเป็นนักปฏิบัติที่ชำนาญขึ้นจากการไตร่ตรองสะท้อนคิด (Reflective Practitioner) และทำให้โรงเรียนเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ (SLC: School as Leaning Community) ที่มีชีวิตชีวาสำหรับทุกคน การอบรมแบบฟังอย่างเดียวให้ได้ชุดความรู้ (Input) แบบนี้ หลายประเทศยกเลิกไปนานแล้ว จะใช้เฉพาะวาระรับฟังนโยบายบางอย่างที่สำคัญมาก ๆ หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องระดับนานาชาติมาคุย
“ในลิสต์รายชื่อวิทยากรที่มี ผมเชื่อว่าสำหรับครูไทยที่เก่ง ๆ ใฝ่รู้ รักดี ก้าวข้ามกำแพงภาษาพอได้ เห็นเข้าคงส่ายหัว ครูเก่ง ๆ ของเราเป็นวิทยากรอบรมระดับประเทศกันหลายคน พวกเขาน่าจะทำหน้าที่นี้ในการสื่อสาร แชร์ประสบการณ์จากห้องเรียนจริง ๆ สร้างแรงบันดาลใจ และพูดจาภาษาห้องเรียนเช่นเดียวกับเพื่อนครูได้มากกว่า”
ผศ.อรรถพล ให้ความเห็นอีกว่า ปรากฎการณ์นี้ยังสะท้อนเรื่องใหญ่ที่สำคัญในการพัฒนา ครู คือการขาดการเชื่อมต่อยึดโยง กับสถาบันเตรียมครู อย่างคณะครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ ซึ่งเป็นปัญหาทั้ง 2 ฝั่ง คือกระทรวงศึกษาธิการมองไม่เห็นคุณค่า ไม่ศรัทธา เชื่อมั่น มองไม่เห็นทั้งความพร้อมที่มีอยู่ และการเปิดให้สาธารณะเข้าถึงได้ จากสถาบันครุศึกษาในระดับสถาบัน
ในอีกมุมหนึ่ง สถาบันครุศาสตร์ศึกษาต่าง ๆ ก็ทำตัวห่างเหิน ไม่แสดงภาวะผู้นำทางการศึกษา ไม่กระตือรือร้นมากพอที่จะร่วมรับผิดรับชอบกับสถานการณ์ปัญหาทางการศึกษา ลอยตัวจากความล้มเหลวของระบบมาอย่างยืดเยื้อเรื้อรังยาวนาน
ขณะที่ในปัจจุบันมีกลไกสภาคณบดีครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ฯ และที่ประชุมคณบดีครุศาสตร์ฯ กลุ่ม 16+1 และกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏอยู่ แม้กระทรวงศึกษาธิการ จะไม่ได้มีอำนาจสั่งการโดยตรง แต่ก้ควรทำงานร่วมกันใกล้ชิดกับสถาบันเตรียมครูพัฒนาครู อย่างคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ซึ่งสถาบันการศึกษาก็ต้องหารือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้จัดแพลตฟอร์มหารือกัน
“เปรียบเทียบโดยง่าย กำลังเจอโจทย์ยากทางการแพทย์ เช่น โรคระบาด ไม่มีประเทศใดจะกะเกณฑ์หมอ พยาบาล มานั่งฟังบรรยายจากนักเทคนิคการแพทย์ หรือตัวแทนจำหน่ายยา ซึ่งทำหน้าที่ในฟังค์ชั่นอื่น มาอธิบายแนะนำ เครื่องมือ และ สินค้า แต่เขาจะสนับสนุนให้ระบบผู้ให้คำปรึกษา (Consultation) ระหว่างหมอและพยาบาลด้วยกันเข้มแข็ง ใช้ข้อมูลจากงานวิจัยและข้อมูลที่อัพเดตที่สุดให้คนทำงานภาคสนาม ผมหาได้กล่าวโทษ หรือดูแคลนวิทยากรทุกท่านในลิสต์ พวกเขาแค่ถูกเชิญ และเป็นการเลือกกำหนดโจทย์ที่ผิดจากผู้กำหนดนโยบาย”
3 ข้อเสนอ ถึง รมว.ศธ. เตรียมพร้อม “ครู-นักเรียน” ก่อนเปิดเทอม
ก่อนเปิดเทอม 1 มิ.ย.นี้ ผศ.อรรถพล จึงเสนอให้ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ พยายามหาช่องทางรับฟังและสื่อสารกับครูในระบบที่เป็นคนอยู่หน้างานจริง และฟังเสียงผู้เรียนให้มากขึ้น ก่อนกำหนดแผนการทำงานบนหลักวิชา ความรู้ และงานวิจัย โดยมีข้อเสนอ 3 ข้อ ก่อนถึงวันเปิดเทอม
1. สนับสนุนให้ทุกโรงเรียนจัดประชุมออนไลน์ ถอดบทเรียนการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งครูทุกคนมีประสบการณ์ตรง และลงมือแก้ปัญหามาแล้ว จึงควรแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเองกับครูที่ดูแลนักเรียนในบริบทเดียวกัน ให้เวลาครูได้คุย หารือ ได้พัก ได้เตรียมตัวสอน จะดีกว่าบังคับให้เปิดหน้าจอเช็คชื่ออบรมออนไลน์
2. ให้เด็ก ๆ ได้พัก ได้เล่นสนุกตามใจก่อนเปิดเทอม หรือ ให้โรงเรียนประสานงานกับเด็กล่วงหน้าว่าไม่มีงาน ไม่มีการบ้าน ให้เล่นเต็มที่ แต่ฝากให้เขียนสั้น ๆ หรือวาดอะไร เตรียมมาเล่าให้เพื่อนและครูฟังในวันแรกที่ได้เปิดเทอม
3. หารือด่วนกับ อว. และเครือข่ายสถาบันครุศึกษา เชิญชวนผู้นำองค์กรของกลุ่มมหาวิทยาลัยที่มีคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ หารือ ร่วมกันแบ่งพื้นที่ดูแลสนับสนุนงานของครู ในช่วงต้นของการเปิดเทอม อาจทำในรูปแบบออนไลน์แพลตฟอร์ม ให้เรียนรู้สนับสนุนยึดโยงกันระหว่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัย โดยอาจเริ่มจากมหาวิทยาลัยที่ส่งนิสิต นักศึกษาลงฝึกสอน ต้องร่วมสนับสนุนงานโรงเรียนนั้น และโรงเรียนใดที่ไม่ใช่พื้นที่ฝึกงาน ก็ควรจัดโซนพื้นที่ ระดมพลังช่วยสนับสนุนกันทั้งหมด