“พีมูฟ ลำพูน” ค้าน นายทุนรังวัดที่ดินสันตับเต่า ยัน ทำกินมาก่อน จี้รัฐเร่งแก้ปัญหา

“สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ” เรียกร้องกระบวนการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์-รอผลจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหา กรณีพิพาทที่ดินทำกินชาวบ้านสันตับเต่า จ.ลำพูน “เจ้าพนักงานที่ดิน” ช่วยไกล่เกลี่ย ได้ข้อสรุปชะลอรังวัด

วันนี้ (14 ก.ค. 2564) บริเวณแปลงที่ดินทำกินในชุมชนบ้านสันตับเต่า อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ช่างรังวัดสอบเขตที่ดินจากสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาบ้านโฮ่ง ร่วมกับ สภ.บ้านโฮ่ง ได้เข้าพื้นที่หลังกลุ่มนายทุนยื่นเรื่องขอรังวัดสอบเขตที่ดิน 6 แปลง โดยระบุว่าเป็นเอกสารสิทธิ์ของตน

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ กลุ่มพีมูฟ .ลำพูน โดยสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เข้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด คัดค้านว่า ที่ดินดังกล่าวมีชาวบ้านทำกินมาก่อน และอยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหากับรัฐบาล ตามกลไกของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ตั้งแต่ปี 2563 รัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างของ ขปส. และได้ดำเนินการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหารายกรณีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกรณีที่ชุมชนบ้านสันตับเต่า

“เรื่องคัดค้านการรังวัดเป็นสิทธิของชาวบ้านอยู่แล้ว ถึงแม้ใครจะทำประโยชน์หรือไม่ทำประโยชน์ แต่ตอนนี้มีปัญหาว่าเราทำประโยชน์มาก่อน เจ้าของที่ก็อ้างว่าเขามีเอกสารสิทธิ์ อย่างไรก็ตามเรามีสิทธิในการคัดค้าน เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ด้วย ไปว่ากันในกระบวนการนั้น เมื่อชาวบ้านคัดค้าน ที่ดินก็ไม่สามารถรังวัดได้ เขาต้องเคารพสิทธิ์ชาวบ้านไปพร้อม ๆ กับการทำหน้าที่”

ผู้แทน สกน. กล่าว

ขณะที่เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้ยื่นหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน สาขาบ้านโฮ่ง เพื่อยืนยันสองข้อเรียกร้อง ได้แก่  1. ขอให้ยุติการเข้ามารังวัดสอบเขตในพื้นที่บ้านสันตับเต่า เพื่อลดความขัดแย้งหรือการปะทะที่จะนำไปสู่ข้อพิพาทใหม่ จนกว่าจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชุมชนกับรัฐบาลที่ชัดเจนและเป็นข้อยุติจากคณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าว และ 2. ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินสาขาบ้านโฮ่ง ให้ดำเนินการเร่งรัดเปิดการประชุมคณะทำงานที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างระดับอำเภอบ้านโฮ่ง และระดับจังหวัดลำพูน เพื่อให้เกิดแนวทางการแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้ง นำไปสู่ทางออกที่ชัดเจนร่วมกัน

ด้าน ผู้แทนกลุ่มที่ระบุว่าเป็นเจ้าของที่ดิน กล่าวว่า กลไกดังกล่าวของรัฐบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเอาคนบุกรุกที่ดินไปตรวจสอบโดยไม่เชิญฝั่งตน

“ผมบุกรุกที่ป่า ไม่ได้บุกรุกที่ชาวบ้าน แสดงว่าพวกคุณไม่ได้มาทำ พอตรวจสอบแล้วก็พบว่าคุณไม่ได้ร้องอย่างถูกต้อง รวมทั้งตอนที่ผมออกโฉนด คุณก็ไม่ได้ทำกินอยู่ การตรวจสอบไม่ใช่เอาคณะคุณมาตรวจสอบผม ถ้าเป็นหนึ่งในคณะทำงานผมถึงจะคุยด้วย”

ขณะที่ ผู้แทนสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน ชี้แจงว่า ตามประมวลกฎหมายที่ดิน เจ้าของโฉนดมาขอ ต้องเข้าทำการรังวัด แต่เกิดเหตุการโต้แย้ง คัดค้านสิทธิทั้งแปลงไม่ให้ทำการรังวัด ในหลักการถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ การรังวัดยังไม่เกิด ในทางปฏิบัติต้องงดไว้ก่อน เพราะจะนำไปสู่ความรุนแรงและอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม น่าจะได้ร่วมพูดคุยกันโดยมีหน่วยงานรัฐเป็นตัวกลาง

“น่าจะพูดคุยเช่น เอาหน่วยงานรัฐเป็นกลาง แล้วเชิญทั้งสองฝ่ายร่วมหารือกัน ที่ดินยืนยันว่ายังไงก็ต้องรังวัดแต่วันนี้ยังรังวัดไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม ได้ข้อสรุปว่า สำนักงานที่ดิน จ.ลำพูน จะชะลอหรือเลื่อนการรังวัดสอบเขตไปก่อน แล้วเปิดให้มีการประชุมระดับอำเภอ ส่วนเรื่องการรังวัดที่ดินทั้ง 6 แปลง ต้องหาแนวทางในการรังวัดและตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ หารือในวงประชุมว่าจะมีแนวทางแต่ละประเด็นอย่างไร โดยให้นายอำเภอเป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งเป็นที่เห็นชอบของทั้งสองฝ่าย 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ยืนยันตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องและเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของนายทุนกลุ่มดังกล่าว ซึ่ง แดง สมรัตน์ ทำประโยชน์อยู่ ชี้ว่านายทุนออกเอกสารสิทธิ์มิชอบ โดยตั้งแต่ปี 2550 มีชาวบ้านสันตับเต่าถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น 7 คน รวมทั้งทนายความจากศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น

Author

Alternative Text
AUTHOR

ศศิธร สุขบท

มนุษย์ช่างฝัน ชอบสร้างสรรค์ข่าวเชิงบวก มีพรรคพวกชื่อจินตนาการ แสนสุขกับงานขับเคลื่อนสังคม