“คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล” เผยสัญญาณดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มทรงตัว “รพ.สนามธรรมศาสตร์” หวัง ก.ย. ผู้ป่วยลดเหลือหลักพันต่อวัน เตือนอย่าชะล่าใจติดเชื้อใหม่ลด แจงเหตุเรียกร้องแอสตราเซเนกา 2 แสนโดส
วันที่ 23 ส.ค. 2564 ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยรายวัน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 17,491 คน นับว่าผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่าวันละ 2 หมื่นที่เคยเป็นสถิติติดต่อกันหลายวัน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล เชื่อว่าเป็นสัญญาณบวก และภายในกลางเดือน ก.ย.นี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง สถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่น่าจะอยู่ที่วันละกว่า 200 คน ซึ่งหากดูวันต่อวันอาจไม่ชัด ต้องดูตัวเลข 7 วัน เฉลี่ยกัน จะเห็นว่าเส้นกราฟความชันเริ่มน้อยลงกว่าเดิม ใกล้เข้าสู่ระนาบเส้นตรง และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เส้นกราฟจะเริ่มกดหัวลง
มี 3 ปัจจัย ที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น 1. การฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งไทยฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 28% ของจำนวนประชากร 2. มาตรการสังคม การปกครอง และ 3. มาตรการบุคคลซึ่งก็เป็นส่วนสำคัญในการลดอัตราการแพร่ระบาด
เมื่อแนวโน้มดีขึ้น อาจมีแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งต้องดูจากจำนวนคนที่ได้รับการฉีดวัคซีน หากจะเกิดการผ่อนคลายขึ้นในประเทศ ก็น่าจะมีการเสนอมาตรการให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณา ซึ่งในอีก 2-3 วันนี้ ต้องหารือกันเลย
“จะมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูตัวเลข หากส่งสัญญาณดีขึ้นก็อาจมีการพิจารณาแต่ต้องตกลงเงื่อนไขกับผู้ให้บริการ หากทุกคนร่วมมือกัน มีโอกาสเริ่มผ่อนคลาย”
ทั้งนี้เมื่อคลายล็อกดาวน์ ควรต้องมีการแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนในมือถือ หรือการให้สถานประกอบการ บริการตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ที่มีคุณภาพไว้ให้ลูกค้าตรวจก่อนเข้าใช้บริการ จะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ดี
อย่าชะล่าใจ เตรียมรับระบาดระลอก 5
ขณะที่ เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ระบุตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงต่ำกว่าหลัก 2 หมื่นคนหวังว่าจะลดลงเรื่อย ๆ เพื่อแน่ใจว่าเวฟ 3 และเวฟ 4 ที่ต่อเนื่องกันอยู่นี้จะได้จบลงโดยมีผู้ป่วยใหม่เหลือไม่กี่พันคนต่อวันในเดือน ก.ย.นี้ และมีเวลาเตรียมการ เตรียมเครื่องมือ และเตรียมกำลังพลกันใหม่เพื่อรอรับการรุกรานในเวฟที่ 5 ซึ่งจะมาแน่ ๆ แต่ไม่รู้อีกนานกี่เดือนเท่านั้น และหวังว่าพวกเราจะฟื้นจากเวฟ 4 ได้ดี และได้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นให้ได้เยอะ ๆ ถึงครึ่งหนึ่งของประชากร ทั่วประเทศเป็นอย่างน้อยก่อนสงครามครั้งใหม่จะมาถึง
สำหรับข้อมูลเรื่องการฉีดวัคซีน รพ.สนามธรรมศาสตร์นำข้อมูลของ หมอพร้อม มารายงานว่า ณ วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ทั่วประเทศฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มจำนวน 20.39 ล้านคน จากจำนวนประชากรไทย 66.19 ล้านคน (ไม่นับแรงงานต่างด้าวหรือประชากรแฝงซึ่งก็ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วบางส่วนใน 20.39 ล้านด้วย) เท่ากับเราเพิ่งฉีดวัคซีนเข็มแรกไปได้เพียง 30% เท่านั้น ถ้าจะให้ได้ถึง 33.1 ล้านคนหรือครึ่งหนึ่ง เราควรเร่งฉีดเพิ่มอีกอย่างน้อย 13 ล้านคนเฉพาะที่เป็นเข็มแรกให้เร็วที่สุด แต่ว่าจำนวนฉีดที่ทำอยู่วันละหลายแสนคนขณะนี้ ก็มีเข็มสองและเข็มสามไปสักครึ่งหนึ่งแล้ว การเพิ่มคนที่ได้เข็มแรกให้ขยายจำนวนให้กว้างออกไปจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ตั้งแต่ 28 ส.ค. เป็นต้นไปคิวจอง วัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มแรกยังคงรออยู่ตามเดิม และหลังจากสัปดาห์นี้คงจะมีใครสักคนแจ้งเราว่าเราจะได้รับหรือไม่ได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา สำหรับคนที่รอคอยวัคซีนอยู่สองแสนกว่ารายที่ลงทะเบียนไว้ในระบบหมอพร้อมกับเรา อย่าทอดทิ้งคนที่จองคิวไว้ที่นี่ และจองไว้เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ผ่านระบบหมอพร้อมที่รัฐบาล ศบค. และสธ. บอกให้เขาทำเองนั่นเอง
ถ้าประเทศไม่มีวัคซีน แอสตราเซนเนกาเลยก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่า เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกร้อง แต่การที่ยังคงมีหน่วยงานต่าง ๆ ประกาศให้ จองวัคซีนใหม่และฉีดแอสตราเซเนกาในวันนี้ พรุ่งนี้ อย่างที่พวกเราเห็นอยู่ในเว็บเพจของหน่วยงานต่าง ๆ นั้นรัฐบาล ,ศบค. หรือ กรมควบคุมโรคจะอธิบายกับผู้คนที่รอคิวอยู่ในระบบหมอพร้อมที่จองฉีดวัคซีนที่ศูนย์รับวัคซีนของเราอย่างไรกัน