ดีเดย์​ 4​ ต.ค.​ นี้เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็ก​ 12-17 ปี กลุ่มนอกระบบการศึกษาลงทะเบียนผ่าน รพ.

สธ. เผย อยู่ระหว่างสำรวจความต้องการจากผู้ปกครองแล้วเสร็จใน 1-2 สัปดาห์นี้เพื่อจัดสรรวัคซีนให้เพียงพอ

วันนี้ (17​ ก.ย.​ 2564) นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด- 19 และการฉีดวัคซีนโควิด- 19 ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจมีแนวโน้มลดลง ทำให้มีเตียงไอซียูดูแลผู้ป่วยเหลือมากขึ้น สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด- 19 ข้อมูลถึงวันที่ 16 กันยายน 2564 ฉีดสะสม 43,342,103 โดส โดยฉีดเข็ม 1 ได้ครอบคลุมเกือบร้อยละ 40

ส่วนการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-17 ปี เด็กกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เรียนชั้นมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า เช่น ปวช. มีประมาณ 4.5 ล้านคน อยู่ระหว่างโรงเรียนสำรวจความประสงค์ผู้ปกครอง ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ และแจ้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/สำนักอนามัย กทม. รวบรวมจำนวนนักเรียน ส่งให้กรมควบคุมโรคจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้วันที่​ 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะนัดหมายการฉีดที่โรงเรียน ทั้งภาครัฐ เอกชน อาชีวศึกษา โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนพระปริยัติธรรม สถาบันการศึกษาปอเนาะ และโรงเรียนประเภทอื่นที่มีนักเรียน 12-17 ปี หรืออาจจัดบริการในสถานที่อื่นใกล้โรงเรียนได้ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขมีประสบการณ์ให้วัคซีนนักเรียนในสถานศึกษามาก่อน ดำเนินการฉีดพร้อมกันทุกชั้นปี โดยบุคลากรของโรงพยาบาลที่โรงเรียนประสานไว้ และมีระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์ 30 วัน

“ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการเปิดเรียนช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่วัคซีนช่วยให้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น เด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็เข้าเรียนได้ร่วมกับการเข้มงวดมาตรการป้องกันโรค ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนผู้ปกครองที่กังวลเรื่องภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ประสงค์ให้บุตรหลานฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย ต้องรอการขึ้นทะเบียนปรับการใช้ในเด็กจาก อย.ก่อน สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัว ไม่ได้เรียนหนังสือเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลที่รักษาประจำได้ เด็กเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูลก็ลงทะเบียนรับวัคซีนกับโรงพยาบาลใกล้บ้านได้เช่นกัน”

นายแพทย์โสภณกล่าว

นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า การฉีดวัคซีนโมเดอร์นากับภาคเอกชนที่จะเข้ามาช่วงเดือนตุลาคมนั้น หากยังไม่เคยฉีดวัคซีนโควิด -19 ชนิดใดมาก่อน สามารถฉีดตามแผนปกติของโมเดอร์นา ถ้าฉีดมาก่อนแล้วให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม ส่วนการเปิดประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการ โดยช่วงสิ้นเดือนกันยายนจะมีการประเมินความพร้อมของแต่ละจังหวัด พิจารณาทั้งความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ สถานประกอบการด้านท่องเที่ยวที่ต้องมีมาตรฐาน SHA Plus พนักงานรับวัคซีนแล้ว มีการตรวจหาเชื้อ เพื่อความปลอดภัย

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS