รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ย้ำ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่คุมโรค เตรียมแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมจัดตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
กรณีการระบาดของโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ น่าสนใจว่าแม้จะมีความพยายามในการกดจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งการตรวจเชิงรุกและการทุ่มวัคซีนลงไปในพื้นที่แล้ว แต่ผ่านมา 14 วัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ยังไม่ลดลง The Active ชวนทบทวนดูจุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันอีกครั้งว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
การระบาดระลอกใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สวนทาง กับสถานการณ์การระบาดในกรุงเทพฯที่อยู่ในช่วงขาลงประกอบกับบรรยากาศที่เข้าเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายมาตรการ
จุดเริ่มต้นการระบาดของจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ตลาดสดเมืองใหม่กลางใจเมือง ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ มีผู้ค้าหลากหลาย บางส่วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จากต่างพื้นที่นำสินค้าลงมาขาย และมีผู้รับซื้อซึ่งมาจากตลาดต่างพื้นที่ ในช่วงเวลานั้นมีแรงงานข้ามชาติบางส่วนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ติดเชื้อโควิด-19
ขณะเดียวกัน ก่อนนี้จังหวัดเชียงใหม่ก็มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำไม่ถึง 70% เนื่องจากคนกังวลเรื่องวัคซีนสูตรไขว้ ก่อให้เกิด คลัสเตอร์ตลาดหนึ่งไปสู่อีกตลาดหนึ่ง อย่างรวดเร็ว เพียงเวลาเดือนเดียว การระบาดก็ลงลึกไปสู่ชุมชนและครัวเรือน ยากแก่การควบคุม
มีข้อสังเกตจากฝ่ายวิชาการว่า ช่วงเริ่มมีการระบาดใหม่ ๆ หน่วยงานในพื้นที่ไหวตัวช้า และสอบสวนโรคไม่ทัน กระทั่งจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนเตียงผู้ป่วยหนักมีไม่เพียงพอ หน่วยงานในพื้นโดยเฉพาะ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จึงตระหนักได้ว่าสถานการณ์กำลังเข้าสู่จุดวิกฤต
เมื่อ 1 พฤศจิกายน แม้สถานการณ์ระบาดของเชียงใหม่ จะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทางจังหวัดก็เดินหน้าเปิดประเทศ พร้อม ๆ กับการระดมแพทย์ จากหลายพื้นที่ เข้ามาช่วยทั้งรักษาและควบคุมโรค มีการตรวจเชิงรุกคัดกรองผู้ป่วยออกจากชุมชน และการจัดสรรวัคซีน เพิ่ม 7 แสนโดส
ผ่านมา 14 วันซึ่งหลายฝ่าย เคยคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง หลังปฏิบัติการเชิงรุก แต่วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเฉลี่ย 300-400 คน โดยใน 100 คนคาดว่าจะมี 10 คนที่เป็นผู้ป่วยหนัก การระบาดที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น นำมาสู่การตัดสินใจของโรงพยาบาล นครพิงค์ จัดทำ ICU สนามจำนวน 50 เตียง เพื่อไม่ให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.4 เปอร์เซ็นต์ โดยถือว่ายังต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิตปกติที่ 1%
ศ. นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เคยประเมินถึงปริมาณวัคซีนที่ทางจังหวัดได้รับ เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการควบคุมการระบาด เพราะเพียงพอเฉพาะคนที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์ของจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น
“วัคซีน 7 แสนโดสที่กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรมาให้เพิ่ม เพียงพอเฉพาะประชากรตามทะเบียนราษฎร์ในตัวเลข 1.7 ล้านคนของจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ขณะที่เชียงใหม่มีประชากรแฝง อีกนับไม่ถ้วน รวมถึงแรงงานข้ามชาติ จึงยังเป็นช่องโหว่สำคัญ เพราะหากวัคซีนยังเข้าไม่ถึงคนกลุ่มนี้ ก็ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้”
เมื่อพิจารณาถึงรูปแบบ การระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าเริ่มต้นจากคลัสเตอร์ตลาดสด ขยับมาเป็นคลัสเตอร์ในชุมชนครัวเรือน และติดในกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง ขณะที่การใช้มาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการระบาดในช่วงเปิดเมือง ค่อนข้างยาก ปัจจุบันการระบาดสร้างความวิตกให้กับนักท่องเที่ยว เพราะเป็นการระบาดในร้านอาหาร เนื่องจากขณะรับประทานอาหารไม่สามารถสวมใส่หน้ากากได้ ทำให้แต่ละคนต้องป้องกันตัวเองเรื่องมาตรการส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด
ขณะที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่เลือกไปเที่ยวบนภูเขาห่างไกลจากตัวเมือง เพราะไม่หนาแน่น ระวังตัวได้ดีกว่า ทำให้บรรยากาศงานยี่เป็ง ที่จัดอยู่ในตัวเมืองเงียบเหงา
ส่วนสถานการณ์การระบาดในเมือง นักระบาดวิทยาเห็นว่า ยังคงต้องจับตาตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวัน หากมีจำนวนลดลงต่อเนื่องนั่นหมายความว่าผ่านจุดพีคไปแล้ว แต่หากยังทรงตัวคาดการณ์ว่า อาจได้เห็นการติดเชื้อขาลงก่อนปีใหม่นี้ ซึ่งนักระบาดวิทยามองว่าสถานการณ์ขึ้นกับภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีน และภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการติดเชื้อของคนในชุมชน ทั้งที่ติดเชื้อแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการควบคุมโรค ต้องเดินหน้าไปควบคู่กัน
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน รัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลและจังหวัดเชียงใหม่ได้มีแนวทางเปิดเมืองท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 ตุลาคม และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนได้ โดยมีการควบคุมโรคควบคู่กัน ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ช่วงเปิด CHARMING Chiang Mai ได้ประชุมหารือ เตรียมแผนรองรับเพื่อจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติทางสาธารณสุขในแต่ละประเภทกิจกรรม ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว โดยเป็นการกำหนดการปฏิบัติตัวระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ การจัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุของศูนย์ CHARMING Chiang Mai และการจัดประชุมกับคณะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนพัฒนาเมือง ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง ประเพณียี่เป็ง เทศกาลปีใหม่ เพื่อเสนอต่อ ศบค. ในวันศุกร์นี้ (19 พ.ย.)
สำหรับประเภทของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ หากเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย จะต้องฉีดวัคซีนครบตามจำนวนที่กำหนด ตรวจหาเชื้อผลเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือเคยติดเชื้อมาแล้วกว่า 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน ส่วนนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศ กลุ่มเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้ามาได้ต้องผ่านมาตรฐาน SOP มีการประกันสุขภาพวงเงิน 50,000 เหรียญสหรัฐ ฉีดวัคซีนจากต่างประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่า 23 วัน และเมื่อมาถึงจังหวัดเชียงใหม่จะต้องทำการตรวจหาเชื้ออีก 1 รอบ และรอผลตรวจภายในโรงแรม หากปลอดภัยจึงจะท่องเที่ยวได้ ตามมาตรการ Test & Go
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกลุ่มจังหวัดแซนด์บอกซ์ (Sand Box) ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าท่องที่ยวได้ เมื่อผ่านมาตรการคัดกรองจากจังหวัดท่องเที่ยวต้นทางแล้ว ก็สามารถเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่น ๆ จะต้องได้รับการคัดกรองและสามารถท่องเที่ยวได้เฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอนำร่อง ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม อำเภอแม่แตง และอำเภอดอยเต่า เท่านั้น ในระหว่างการกักตัว 7 วัน และต้องทำการตรวจหาเชื้อรอบ 2 ให้มีผลปลอดภัยก่อนจึงจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้