หลังมีผู้ประสงค์ให้ความช่วยเหลือครอบครัว ‘คำผ่อง โยธาราช’ จากสารคดีฯ “คนจนข้ามรุ่น” ทางไทยพีบีเอส ล่าสุด ชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมหาวิธีจัดการความช่วยเหลือให้ครอบคลุมกลุ่มเปราะบางและคนไร้สถานะทางทะเบียนในพื้นที่
หลังสารคดี คน|จน|เมือง ตอนสุดท้าย “คนจนข้ามรุ่น” เรื่องราวของ ‘คำผ่อง โยธาราช’ และครอบครัว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อ 26 ธ.ค. 2564 มีผู้ชมแจ้งความประสงค์ต้องการให้ความช่วยครอบครัวของคำผ่อง ล่าสุดตัวแทนครอบครัว ชาวบ้านในอำเภอโขงเจียม และตัวแทนกลุ่มฮักน้ำของ เห็นตรงกันว่า จะแบ่งเงินบริจาคร้อยละ 30 เพื่อช่วยเหลือครอบครัวยากจนอื่น ๆ ในชุมชนด้วย
28 ธ.ค. 2564 พระวาทะชัย มหาวิริโย ลูกชายคนโตของคำผ่อง ร่วมกับตัวแทนชาวบ้าน และตัวแทนกลุ่มฮักน้ำของ เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาโขงเจียม ชื่อบัญชี พระวาทะชัย โยธาราช ภูธร พันธรังศรี และชัยพงษ์ อินทะโสม เลขที่ 338–0-48629-9 ซึ่งจะใช้เป็นบัญชีรองรับเงินบริจาค ซึ่งมีการหารือกันก่อนหน้านี้ ว่าเงินที่ได้ร้อยละ 70 จะถูกส่งต่อเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของคำผ่องเป็นกรณีฉุกเฉิน รวมถึงเป็นทุนการศึกษาให้กับหลานทั้ง 8 คน ส่วนอีกร้อยละ 30 จะแบ่งไปช่วยเหลือเรื่องปากท้องแก่ครอบครัวยากจน รวมถึงกลุ่มเปราะบางในละแวกใกล้เคียง
พระวาทะชัย มหาวิริโย บอกว่า หากการช่วยเหลือครอบครัวของแม่คำผ่อง สามารถช่วยไปถึงครอบครัวอื่น ๆ ได้ด้วยถือเป็นเรื่องดี และการแบ่งปันเงินบริจาคให้กับผู้เดือดร้อนคนอื่น ก็ถือเป็นกุศลบุญร่วมกัน
ด้าน สมศักดิ์ อินทะโสม ชาวบ้านบะไห อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี บอกว่า ในชุมชนยังมีอีกหลายคนที่จัดว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง รวมถึงกลุ่มผู้สูงวัยไร้สถานะทางทะเบียน และเข้าไม่ถึงสวัสดิการต่าง ๆ หากมีการแบ่งเงินส่วนนี้มาช่วยเหลือ ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้คนกลุ่มนี้ได้ อาจเรียกได้ว่าเป็นคนจนช่วยคนจน
จากการสำรวจของคณะกรรมการบริหารเงินบริจาค ผาย วงศ์ลำ เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่เข้าข่ายจะได้รับการช่วยเหลือ เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ วัย 64 ปี อาศัยอยู่เพียงลำพัง ขณะนี้ป่วยเป็นวัณโรค ขาดรายได้ นอกจากนี้ ผาย ยังเป็นผู้สูงอายุไร้สถานะทางทะเบียน คือไม่มีบัตรประชาชนไทย จึงไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการใด ๆ ของรัฐได้ ถึงแม้จะมีสิทธิ์รักษาพยาบาลฟรี แต่โรงพยาบาลโขงเจียมที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร ก็ทำให้ไม่มีเงินค่ารถไปรับยาและหาหมอเพื่อรับรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง
อีกครอบครัว อาศัยอยู่ในเพิงพักใกล้กับบ้านของคำผ่อง คือ พ่อสวาท ผู้เฒ่าวัย 80 ปี เป็นอัมพาตป่วยติดเตียง มีภรรยาที่ไม่มีบัตรประชาชนคอยดูแล จึงไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างได้ ถึงแม้พ่อสวาทจะได้รับการดูแลจากองค์การบริหารส่วนตำบล โดยได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ 700 บาท และเบี้ยผู้พิการ 800 บาทต่อเดือน แต่เงินจำนวนนี้ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ทำให้ลูกชายที่เพิ่งเรียนจบชั้น ป.6 ไม่สามารถเรียนต่อได้