จากเหตุตึก สตง. ถล่ม สะท้อนขบวนการโกง บริษัทออกแบบ วิ่งเต้นล็อกสเปกที่ปรึกษาคุมงาน-ผู้รับเหมา ลดสเปกของ หนักสุด ผู้บริหารระดับสูงหน่วยราชการ แอบชักใย หวังเงินทอน ทำรัฐเสียค่าโง่ เสนอรื้อระบบจัดซื้อจัดจ้าง กติกาเปิดกว้าง จูงใจแข่งขันเสรี เปิดโอกาสเลือกผู้รับเหมาที่มีศักยภาพ มากกว่าเน้นราคาถูก
วันนี้ (24 เม.ย. 68) มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ระบุผ่านบทความเรื่อง “ตึก สตง.ถล่ม : ภาพสะท้อนวงจรคอร์รัปชันในงานก่อสร้างภาครัฐ” ชี้ว่า ปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างในงานก่อสร้างภาครัฐ กินหัวคิวสูงถึงปีละ 2 แสนล้านบาท เสนอรัฐรื้อระบบทบทวนกติกาจัดซื้อจัดจ้างงานก่อสร้างใหม่ ป้องกันการเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำซาก
เนื้อหาในบทความดังกล่าว ยังระบุอีกว่า งานก่อสร้างภาครัฐมูลค่า 7.8 แสนล้านบาทต่อปีประเมินว่าถูกคอร์รัปชันไป ราว 2 แสนล้านบาท ผ่านการล็อกสเปก ฮั้วประมูล ลดงาน ลดคุณภาพวัสดุ และอีกสารพัดกลโกง ทั้ง 2.3 แสนโครงการที่รัฐลงทุนไปนั้น ล้วนตกอยู่ในวงจรคอร์รัปชันแทบไม่ต่างกัน บทความนี้จะอธิบายถึง “ตัวละคร” ที่เกาะกินวงการก่อสร้างภาครัฐ จนหลายโครงการสร้างไม่เสร็จ หรือปล่อยทิ้งร้าง ไม่ต่างจากอาคาร สตง. ที่ถล่มลงมา ดังนี้

1. บริษัทออกแบบ มีรายได้จากค่าจ้างออกแบบ และโดยทั่วไปเขายังเป็นผู้กำหนดสเปกสินค้าเป็นการเฉพาะอย่าง ทั้งวัสดุก่อสร้าง – ตกแต่ง อุปกรณ์เครื่องใช้ ฯลฯ ทำให้ได้ ค่าตอบแทน หรือ คอมมิชชัน จากผู้จำหน่ายสินค้าเหล่านั้น เช่น ผนังอาคารกระจก (Curtain Wall) มูลค่างานนับร้อยล้าน งานประตูหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์แสงเสียง และวัสดุงานระบบต่าง ๆ เป็นต้น
การคัดเลือกบริษัทออกแบบโดยทั่วไปใช้วิธีประกวดแบบ จึงมักต้องวิ่งเต้นผู้มีอำนาจในหน่วยงาน โดยจ่ายเป็นเงินใต้โต๊ะ หรือยอมทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจ เช่น เขียนเงื่อนไขล็อคสเปกให้ได้ผู้รับเหมาก่อสร้างที่ผู้มีอำนาจต้องการ หรือประเมินราคากลางสูงเกินจริง 20 – 30% เพื่อนำมาเป็นเงินทอน หรือวางสเปกสินค้าราคาแพงบางอย่างจากผู้จำหน่ายที่เจาะจงไว้
2. บริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง นอกจากได้ค่าจ้างตามสัญญาแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มจากเบี้ยเลี้ยง/ค่าโอที ที่การเรียกเก็บจากบรรดาผู้รับเหมาในโครงการ บริษัทควบคุมงานฯ ที่ไม่ซื่อสัตย์ จะลดจำนวนวิศวกรหรือเจ้าหน้าที่คุมงานจริง ลดการเก็บวัสดุก่อสร้างไปทดสอบคุณสมบัติให้น้อยครั้งกว่าที่กำหนดในสัญญาจ้าง บางรายใจกล้ามากก็สมรู้ร่วมคิดกับผู้รับเหมายอมให้ลดงาน ลดสเปกโดยทั่วไปพบว่า บริษัทออกแบบมักเป็นพวกเดียวกันกับบริษัทควบคุมงาน
3. บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ผู้รับเหมามีทั้งที่ชนะการประมูลงานโดยสุจริต และพวกที่ล็อกสเปก/ฮั้วประมูลเข้ามา ผู้รับเหมาที่ดีจะทำกำไรจากความสามารถในการบริหารจัดการก่อสร้าง ส่วนผู้รับเหมาที่คดโกงจะกอบโกยจากผลพวงการฮั้วประมูลที่กำหนดราคากลางไว้สูงมาก ทำกำไรเพิ่มจากการลดสเปก ลดคุณภาพงาน รวมทั้งวิ่งเต้นให้มีการแก้แบบ ลดปริมาณงาน เพิ่มงาน หรือยกเลิกงานบางส่วนแล้วออกแบบใหม่ หากงานส่วนนั้นตนได้กำไรน้อยหรือขาดทุน
4. ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยราชการนั้นเอง หากผู้บริหารระดับสูงต้องการมีผลประโยชน์จากงานก่อสร้าง จะเริ่มจากบงการการกำหนดรูปแบบโครงการ แต่หากโครงการเดินหน้าไปแล้วก็อาจสั่งเปลี่ยนแปลง โยกย้ายสถานที่ เพื่อให้มีการแก้ไขหรือเขียนโครงการใหม่ส่งผลให้เรื่องกลับมาอยู่ในเกมอำนาจของตน
“เมื่อเริ่มโครงการก็จะแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง ยืมมือผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และผู้รับเหมา เพื่อคอร์รัปชันในโครงการ ซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีที่อันตรายที่สุดและทำให้ราชการเสียประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขายอมให้เอกชนเขียนเงื่อนไขสัญญาที่รัฐเสียเสียเปรียบหรือต้องจ่ายค่าโง่ในอนาคต”
มานะ นิมิตรมงคล
5. เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน โดยปกติหน่วยงานเจ้าของโครงการจะแต่งตั้ง “คณะกรรมการตรวจการจ้าง” บางกรณีมีเจ้าหน้าที่ควบคุมงานประจำโครงการ คนเหล่านี้คือตัวแทนของหน่วยงานในการรักษาผลประโยชน์ แต่บ่อยครั้งที่พวกเขากลับไปรีดไถผู้รับเหมาเป็นเงินก้อน พาไปเลี้ยงอาหารเที่ยวสถานบันเทิง จ่ายค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าตรวจงาน ฯลฯ
“สินบนที่กล่าวมาคือต้นทุนการก่อสร้างที่ผู้รับเหมารู้อยู่แล้วว่าต้องจ่าย แลกกับความสะดวกหรือสมคบคิดกันทำสิ่งไม่ถูกต้องบางอย่าง แต่หากเป็นโครงการที่มีกำไรน้อย ผู้รับเหมาอาจตกในภาวะจำยอมหรือต้องบ่ายเบี่ยง เป็นเหตุให้ถูกกลั่นแกล้งหรือดึงเรื่องเมื่อตรวจรับงาน ขอเบิกเงินค่างวด ผู้รับเหมาหลายรายทนการรีดไถไม่ไหวอาจถึงขั้นต้องทิ้งงาน”
มานะ นิมิตรมงคล

บทสรุป นอกจากที่กล่าวมา หลายโครงการยังต้องเผชิญการชักเปอร์เซ็นต์จาก “นายหน้าขายงาน” และ “ขบวนการจัดฮั้วประมูล”
ในตอนท้ายบทความยังสะท้อนให้เห็นปัญหา ว่า โดยรวมทิศทางการพัฒนาการใช้จ่ายของรัฐ กระบวนการจัดทำงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้างฯ และการติดตามประเมินความคุ้มค่า ยังมีข้อจำกัดมาก สิ่งที่ต้องเร่งปรับปรุง คือ
- เร่งรื้อระบบจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้มีกติกาเปิดกว้าง จูงใจให้เอกชนเข้าแข่งขันมากขึ้น สนับสนุนการแข่งขันเสรี เปิดให้รัฐมีทางเลือกมากขึ้น มีโอกาสเลือกผู้รับเหมาที่มีศักยภาพในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายของรัฐมากกว่าเน้นราคาถูก ลงโทษเอกชนทุกรายที่ไม่ซื่อสัตย์ ทำให้รัฐเสียหาย ฯลฯ
- เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่าเดิม เริ่มจากการใช้ ข้อตกลงคุณธรรม อย่างเข้มข้น จริงจัง
- ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตาม ตรวจสอบ เช่น ระบบ GPS และ Ai เป็นต้น