ตั้งข้อสังเกต เกมอำนาจ สว. – เอกชน ขวาง ‘อากาศสะอาด’

สภาลมหายใจภาคเหนือ ถาม เอกชนเล่นเกม 2 หน้าหรือไม่ ? ตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยง ปม สว. ดองกฎหมาย กับการเปิดหน้าเคลื่อนไหว ย้ำ ผู้ก่อมลพิษ ต้องร่วมรับผิดชอบ ขณะที่ ไบโอไทย หวั่นเอกชน ยืมมือ สว. ล้มกฎหมาย

ตามที่ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยและมีความกังวลกับร่างกฎหมายที่ขาดการประเมินผลกระทบกฎหมาย (Regulatory Impact Assessment: RIA) อย่างรอบด้านและเป็นระบบต่อ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ และ ร่าง พ.ร.บ.โรงงาน โดยอ้างเหตุผลว่า จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ลดความน่าสนใจของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนใหม่นั้น ล่าสุดภาคประชาสังคมออกมาเคลื่อนไหวต่อเนื่องถึงประเด็นนี้

บัณรส บัวคลี่ มูลนิธิสภาลมหายใจภาคเหนือ โพสต์ตั้งคำถามว่า การที่วุฒิสภายืดเวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ อาจเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของภาคเอกชนหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจมี เกมอำนาจ ทั้งในทางเปิดและทางลับผ่าน สว.

บัณรส บัวคลี่ สภาลมหายใจภาคเหนือ

บัณรส ยังมองว่า เบื้องหลังวิกฤตฝุ่น เป็นความขัดแย้งระหว่าง วิถีการผลิตแบบเก่าและแบบใหม่ ของกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจำเป็นต้องนำมาถกเถียงอย่างโปร่งใส โดยเฉพาะหลัก ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย หรือ PPP ที่ผู้ประกอบการบางส่วนกังวลว่าจะเพิ่มภาระ ทั้งที่ยังจ่ายภาษีอยู่แล้ว

พร้อมย้ำว่า ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น เกษตร อุตสาหกรรม คมนาคม หรือแม้แต่ชาวบ้านที่ใช้ไฟเผาในป่า ต่างมีส่วนสร้างมลพิษ และต้องร่วมรับผิดชอบตามสัดส่วน ไม่ใช่อ้างเหตุจำเป็นหรือความยากจนเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิด จึงเสนอว่า รัฐควรเปิดเวทีถกแถลงอย่างกว้าง โปร่งใส มีข้อมูลวิชาการรองรับ เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพรวมของปัญหาและหาทางออกร่วมกัน โดยมองว่า การแก้ปัญหาฝุ่นควัน คือการยกระดับวิถีการผลิตของสังคมจากแบบเก่าไปสู่แบบใหม่ “ยาก ขัดแย้ง แต่จำเป็น”

ขณะที่ วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ให้สัมภาษณ์ The Active ว่า การคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เป็นการคัดค้านที่ เห็นแก่ตัว เพราะเรื่องอากาศสะอาดเป็นเรื่องของทุกคน รวมถึงภาคธุรกิจ และการท่องเที่ยว ซึ่งการคัดค้าน พ.ร.บ.ด้วยเหตุผลว่าจะกระทบต่อเกษตรกร นักลงทุนนั้น ไม่เป็นความจริง โดยชี้ว่า การคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ เกิดขึ้นจากกลุ่มทุนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ที่ใช้ชื่อว่า สมาพันธ์ปศุสัตว์ ยืนยันว่า ไม่มีเสียงคัดค้านจากเกษตรกรรายย่อย 

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI)

“คนคัดค้านที่อ้างว่าจะกระทบต่อเกษตรกร คือ กลุ่มทุนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และตอนที่มีการให้ปลูกเสรีเรื่องข้าวโพดอาหารสัตว์ เขาก็อ้างว่าเพื่อลดเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตอนนั้นอ้างว่าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค อาหารสัตว์จะได้ถูกลง และมีอากาศสะอาด แต่พอเรามี พ.ร.บ.อากาศสะอาด กลุ่มนี้ก็คัดค้านอีก คือ อ้างเกษตรกรว่าจะได้รับผลกระทบ เป็นอะไรที่นอกจากจะเห็นแก่ตัวแล้ว ยังขี้ขลาดด้วย”

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ

เมื่อถามว่าทำไม ? ภาคเอกชน ใช้จังหวะการสื่อสารออกมาหลังกฎหมายอยู่ในชั้น สว. เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี ชี้ว่า กฎหมายผ่านสภาฯ มาด้วยคะแนนที่ท่วมท้น ซึ่ง สส. มีที่มาจากประชาชน และถ้าเราเห็นว่ามีการประชุมแล้ว สส.ไม่เข้าก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ ร่าง พ.ร.บ.ผ่านไปได้ที่สุด สะท้อนว่าผู้แทนที่อิงกับประชาชน จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่เห็นการคัดค้านในช่วงนั้น และอาจจะพยายาม “ยืมมือ” ของวุฒิสภาชุดนี้เพื่อหวังผลล้มกฎหมายนี้ในที่สุด

“และถ้าเราดูกระบวนการของวุฒิสภา ก็รับลูกพอสมควร แทนที่จะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 30 วัน ก็มีการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน ซึ่งก็ไม่น่าจะทันสมัยการประชุมนี้ และอย่างที่เราทราบดีว่าการยุบสภาฯ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ ก็เป็นโอกาสที่เขาจะขวางกฎหมายนี้ให้ล้ม”

วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ

วิฑูรย์ ยังสื่อสารถึงรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยว่า เมื่อ สส.ภูมิใจไทย ยกมือโหวตผ่านกฎหมายอากาศสะอาดในสภาฯ แล้ว หาก สว.กระทำการอะไรที่รับลูกอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ หรือ กลุ่มทุน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของคนไทย และยังเป็นอนาคตของธุรกิจในระยะยาวที่จะได้รับประโยชน์ “แสดงว่าพวกคุณหวังประโยชน์ ปกป้องอุตสาหกรรมบางกลุ่ม และที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ เลือดเนื้อ ชีวิต และลมหายใจของคนไทยทุกคน”

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active