“แก่ต้องตามให้ทัน เด็กต้องฟังอย่างไม่ตัดสิน” เปิดสูตรทำคอนเทนต์ต่างวัย เชื่อมความสัมพันธ์

“หมอแม่-ลูกชาย-หลานอ่าม่า” เปิดมุมคิดต่างเจน บนเวที “มนุษย์ต่างวัย FEST 2025” ภาวินท์ อึ้ง! เมื่อแม่บอก ‘สเปกลูกสะใภ้’ – เพศไหนก็ได้ ขอแค่เป็นคนดี ด้าน มนัสวี ที่ทำคอนเทนต์กับอาม่า เผยสิ่งที่ได้มากกว่าความสำเร็จบนโลกออนไลน์ คือ “ความทรงจำ” ที่จับต้องได้

วันนี้ (22 มิ.ย. 68) ในงาน มนุษย์ต่างวัย FEST 2025ชีวิตดี ชีวิตซีซัน 2” เวทีเสวนาหัวข้อ “ทำคอนเทนต์ต่างเจนให้โดนใจ” มีการแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างเข้มข้นจาก 3 คน 2 วัย ที่มีจุดร่วมคือการใช้ “ครอบครัว” เป็นแรงบันดาลใจสร้างสรรค์คอนเทนต์

พญ.พิศศรี คุ้มอนุวงศ์ หรือ “หมอแม่” จากเพจ Dr.Mom กล่าวว่า ข้อได้เปรียบของคนวัยเรา อาจมีแค่แก่กว่าเท่านั้น เพราะผ่านโลกมาเยอะ แต่โลกยุคนี้หมุนเร็วมาก ถ้าอยากเข้าใจเด็ก เราต้อง ‘ตามให้ทัน’ ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแล้วตัดสินคนรุ่นใหม่

หมอแม่ ยกตัวอย่างถึงประเด็นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น ผู้หญิงใส่สายเดี่ยวถูกมองว่าไม่เหมาะสม แต่วันนี้สังคมเปลี่ยนไปแล้ว

“เราเห็นอะไรที่ต่างจากยุคเรา เราไม่จำเป็นต้องตัดสิน เช่น เด็กใส่สายเดี่ยว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปตำหนิอีกต่อไป เราต้องพยายามเข้าใจว่าเขาคิดยังไง ไม่ใช่ยืนอยู่ที่มุมของเราอย่างเดียว”

เมื่อถูกถามถึงเทคนิคในการ “อัปเดตเฟิร์มแวร์” ให้ทันยุค หมอแม่ตอบว่า “คุยกับลูกค่ะ คุยทุกวัน และสังเกตเขาให้มาก ถ้ามีเรื่องอะไรที่เราไม่เข้าใจ ลูกก็จะเล่าให้ฟัง เช่น ถ้ามีคนมายืมเงิน 200,000 เราจะไม่บอกให้เขา ‘ห้ามให้’ แต่จะปล่อยให้เขาเรียนรู้ ถ้าจะโดนหลอกก็ถือว่าเขา ‘เต็มใจ’ นั่นคือบทเรียนของเขา”

ขณะที่ ภาวินท์ โล่ห์ตระกูลวัฒน์ ลูกชาย “Dr.Mom” เสริมว่า แม้เราจะเชี่ยวชาญเทคโนโลยี หรือเรื่องใหม่ ๆ มากแค่ไหน แต่ประสบการณ์ชีวิตบางอย่างยังต้องเรียนรู้จากคนที่อายุมากกว่า 

“ผมพยายามเข้าใจว่าแต่ละคนมีสิ่งที่ถนัดไม่เหมือนกัน และเราต้องเคารพตรงนั้น ความเข้าใจข้ามวัยเกิดจาก การฟังโดยไม่ตัดสิน และการยอมรับว่าบางเรื่องผู้ใหญ่อาจรู้ลึกกว่า” 

ด้าน มนัสวี ประสิทธิถิรวัฒน์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์จากช่อง TikTok MANASSAVEE มองว่า เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจกัน 100% ก็ได้ ขอแค่ ‘รับฟังกันโดยไม่ตัดสิน’ แค่นั้นก็มากพอแล้ว วัยต่างกัน ความคิดต่างกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ แค่เราพยายามฟังและเคารพซึ่งกันและกัน คนสองวัยก็อยู่ร่วมกันได้

หนึ่งในตัวอย่างที่ทำให้ภาวินท์รู้สึก “อึ้ง” กับคำตอบของแม่ เกิดขึ้นจากคลิปพูดคุยเรื่อง “สเปกลูกสะใภ้” ภาวินท์ กล่าวว่าแม่บอกว่าเพศไหน ฐานะแบบไหนก็ได้ ขอแค่เป็นคนดี ลูกจะคบกับใครก็ได้ อายุเท่าไหร่ก็ได้ มีเงินเท่าไหร่ก็ได้ ฟังแล้วถึงกับเงียบไปเลย เพราะเข้าใจว่าคุณแม่ไม่เคยตัดสินหรือคาดหวังอะไร

หมอแม่ อธิบายต่อว่า การปล่อยวางลูก ไม่ใช่การหยุดรัก แต่คือการรักแบบที่ยากที่สุด “ตอนลูกเล็ก ๆ เราเลือกทุกอย่างให้เขาหมด แต่พอโตขึ้น เขาก็เลือกเองได้ เช่นเดียวกับเรื่องความรัก เราอยากให้ลูกมีความสุข แต่เราจะไปอยู่ดูแลเขาตลอดชีวิตไม่ได้ เพราะธรรมชาติแล้ว…ลูกต้องอยู่ต่อหลังจากเรา”

เมื่อ “คอนเทนต์” พาให้ครอบครัวได้กลับมาใกล้กัน

ภาวินท์ บอกว่า สิ่งที่ได้จากการทำคอนเทนต์ร่วมกับแม่ ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงหรือรายได้ แต่คือ “เวลา” ที่ได้กลับคืนมา ตอนแรกก็เหมือนใครหลายคน ออกไปทำงานในเมือง เปิดบริษัทของตัวเอง ที่ทำให้ใช้เวลากับแม่ได้น้อยมาก แต่พอเริ่มทำคอนเทนต์ด้วยกัน ได้ชวนแม่มาทำงานด้วยกันทุกวัน เรากลับได้ใช้เวลาดี ๆ กับกันมากขึ้น ได้ทำงาน ได้เงิน ได้ความทรงจำ

พญ.พัศศรี หรือ “หมอแม่” บอกว่า “มันตรงกับคอนเซปต์ของ ‘ชีวิตดี ซีซัน 2’ มาก ๆ ค่ะ” แม่เคยมีชีวิตทำงานแบบเดิมมาตลอด แต่วันหนึ่งลูกชวนมาทำคอนเทนต์ด้วยกัน มันเหมือนแม่ได้เริ่มชีวิตใหม่ ได้มีอาชีพใหม่ ได้เรียนรู้บทบาทใหม่

“จากที่เคยสอนลูกคนเดียว วันนี้แม่ได้แชร์ประสบการณ์ให้คนอื่นด้วยมันเปลี่ยนชีวิตแม่ไปเลยค่ะ”

เช่นเดียวกับ มนัสวี ที่ทำคอนเทนต์กับอาม่า เขาเล่าว่าสิ่งที่ได้มากกว่าความสำเร็จบนโลกออนไลน์ คือ “ความทรงจำ” ที่จับต้องได้

“ผมคิดว่า ถ้าวันหนึ่งอาม่าไม่อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ยังอยู่คือวิดีโอเก่า ๆ ที่เราทำร่วมกัน มันมีทั้งเสียง มีทั้งภาพ เราได้เห็นรอยยิ้ม การพูดคุย ได้เห็นว่าครั้งหนึ่ง” 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active