บัตรเสีย 2.4 ล้านใบเกิดอะไรกับเลือกตั้ง อบจ. ?

We Watch แถลงพบความบกพร่องและพิรุธจัดเลือกตั้งท้องถิ่น จี้ กกต. เร่งสืบสวน – วางมาตรฐานจัดเลือกตั้งท้องถิ่น ยึดประโยชน์ประชาชน

7 ก.พ. 2568 We Watch หรือ เครือข่ายเยาวชนสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าว การเลือกตั้งที่ไม่ได้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ? ต่อการเลือกตั้ง อบจ. 2568 ระบุว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) เมื่อวันเสาร์ ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เผยให้เห็นวิกฤตของระบบการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกครั้ง จากกรณีจำนวนผู้มาใช้สิทธิที่ลดลง สวนทางกับจำนวนบัตรเสีย และบัตรไม่เลือกผู้ใดที่สูงขึ้น ขณะที่ ความโปร่งใสของการจัดการเลือกตั้งได้รับการตั้งคำถามอย่างหนัก ล้วนสะท้อนว่ากระบวนการประชาธิปไตยท้องถิ่นละเลยการยึดเอาสิทธิของประชาชนเป็นที่ตั้ง

พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน ผู้อำนวยการ We Watch เปิดเผยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ระบุว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นายก อบจ. ทั้งหมด 27,991,587 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน หรือร้อยละ 58.45 และจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.อบจ. 47,124,842 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 26,418,754 คน คิดเป็นร้อยละ 56.06 เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2563 ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 62.86

ตัวแทน We Watch ยังระบุอีกว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนปัญหาของการกำหนดเลือกตั้งในวันเสาร์ โดยไม่มีการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า และไม่สามารถใช้สิทธินอกเขตได้ แม้จำนวนผู้มาใช้สิทธิที่ลดลง 4% แต่จำนวนนี้นับเป็นเสียงประชาชนนับล้านคน

สาระสำคัญในแถลงการณ์ ยังระบุถึง จำนวนบัตรเสียที่สูงถึง 2,419,376 ใบ จากการรวบรวมข้อมูลของ We Watch พบว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบบัตรเลือกตั้งที่สร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้สิทธิ อันสืบเนื่องจากระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ข้อที่ 133 กำหนดให้การเลือกตั้งท้องถิ่นจัดขึ้นในวันและเวลาเดียวกันต้องมีสีต่างกัน

นอกจากนี้ข้อมูลจากแบบสอบถามที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร สำนักนวัตกรรม สถาบันพระปกเกล้า WeVis และ We Watch พบว่า กรณีบัตรเสียที่มาจากการ “ติ๊กถูก” ในช่องลงคะแนน มีรายงาน 51 คน จาก 94 คน คิดเป็นร้อยละ 54.3 จากจำนวนทั้งหมดที่พบบัตรเสีย ซึ่งหากพิจารณาไปที่เจตนาการลงคะแนน ผู้ใช้สิทธิได้แสดงออกอย่างชัดเจนถึงตัวเลือกที่ต้องการแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใช้เครื่องหมายที่กำหนดไว้ สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจของผู้ใช้สิทธิในการทำให้เกิดบัตรเสีย แต่เป็นผลจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างข้อกำหนดในการลงคะแนนกับความเข้าใจของประชาชน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการสื่อสารที่ไม่ทั่วถึง หรือแนวทางการออกแบบบัตรเลือกตั้งที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการทบทวนและแก้ไขเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเกิดบัตรเสียโดยไม่จำเป็นและให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนน

นอกจากนี้ We Watch ยังได้แถลงถึงประเด็นความเป็นกลางของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งในหลายพื้นที่ ที่มีอาสาสมัครเข้าไปสังเกตการณ์ เช่น จังหวัดอุดรธานี นครพนม สมุทรปราการ รวมถึงกรณีที่มีอาสาสมัครหลายพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง

และอีกประเด็นสำคัญ คือ การลาออกก่อนครบวาระของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในพื้นที่ 26 จังหวัด ที่มีการจัดการเลือกตั้งไปแล้วในปี 2567 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเมืองท้องถิ่นในหลายมิติ ได้แก่ การสิ้นเปลืองทรัพยากรและงบประมาณท้องถิ่นในการจัดการเลือกตั้ง 2 ครั้ง (บางจังหวัดเช่นปทุมธานีต้องจัดการเลือกตั้ง 3 ครั้ง เนื่องจาก กกต. มีคำสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่) รวมถึงเป็นการผลักภาระให้ประชาชนต้องเดินทางออกไปสิทธิมากกว่า 1 ครั้ง

โดย We Watch มีข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  1. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิเลือกตั้งได้ทั่วถึงและสะดวกขึ้น โดยการเลือกตั้งต้องจัดขึ้นในวันที่ประชาชนสะดวกที่สุด หรือเป็นวันอาทิตย์ตามเดิมอย่างที่เคยจัดมา และต้องมีการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า การใช้สิทธินอกเขต และการใช้สิทธิสำหรับผู้ที่อยู่นอกประเทศ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการเลือกตั้งได้อย่างเท่าเทียมกัน
  2. ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบกรณีการทุจริตหรือพฤติกรรมที่ส่อเจตนาทุจริต ในระหว่างกระบวนการเลือกตั้งอย่างเร่งด่วน พร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ โดยเฉพาะกรณีการสวมสิทธิการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และควรมีมาตรการป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในหน่วยเลือกตั้ง เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในหน่วยเลือกตั้ง เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้มาใช้สิทธิ
  3. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทบทวนและปรับปรุงการออกแบบบัตรเลือกตั้งให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย อย่างการมีข้อมูลของผู้สมัคร เช่น ชื่อ ใบหน้า สัญลักษณ์หรือโลโก้ เพื่อป้องกันความสับสนและการเกิดบัตรเสีย รวมทั้งต้องจัดให้มีการให้ข้อมูล และการสื่อสารที่ครอบคลุมและชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจการลงคะแนนอย่างถูกต้อง
  4. ต้องพัฒนาความโปร่งใสและความเป็นกลางในการเลือกตั้ง โดยสร้างมาตรการควบคุมดูแลความเป็นกลางของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) รวมทั้งกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน และการฝึกอบรมให้มีความรู้และเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ เพื่อลดการละเมิดสิทธิของประชาชนและป้องกันการทุจริตในกระบวนการเลือกตั้ง
  5. ตรวจสอบและจัดการกับปัญหาการลาออกก่อนครบวาระของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อป้องกันการเลือกตั้งซ้ำซ้อน การผลักภาระให้ประชาชนและท้องถิ่น การใช้จ่ายทรัพยากรและงบประมาณที่ไม่จำเป็น รวมทั้งต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชนในท้องถิ่น นอกจากนั้น ยังขอเรียกร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น ให้ช่วยกันหาข้อสรุปและแก้ไขปัญหาการลาออกก่อนครบวาระ ซึ่งเป็นช่องว่างทางกฎหมาย
  6. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การออกกฎระเบียบ ประกาศ หรือแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสังเกตการณ์ได้อย่างราบรื่นและปราศจากอุปสรรค

“เราขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในระบบการเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างเร่งด่วน เพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งในอนาคตเป็นไปด้วยความโปร่งใสและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง”

แถลงการณ์ We Watch ต่อการเลือกตั้ง อบจ. 2568: การเลือกตั้งที่ไม่ได้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง?

พร้อมทิ้งท้ายว่า จะติดตามกระบวนการนี้ต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้การเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นเครื่องมือที่แท้จริงในการสะท้อนเสียงและเจตจำนงของประชาชน

แถลงการณ์ฉบับเต็ม


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active