ถอดบทเรียนพัฒนาเมือง สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เชื่อท้องถิ่นโปร่งใส – มีศักยภาพ ต้องปลดล็อกการกระจายอำนาจ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) จัดงาน “Thailand Rule of Law Fair” ภายใต้แนวคิด “Smart People: พื้นที่การมีส่วนร่วมของพลเมืองเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม” โดยมุ่งเน้นการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางพัฒนาเมืองผ่านการกระจายอำนาจ เทคโนโลยี และการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับยุคสมัย รวมถึงการสร้างกลไกใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทในการกำหนดอนาคตของเมืองอย่างแท้จริง
กระจายอำนาจ กทม.
สู่ข้อเสนอแก้ไข พ.ร.บ. กทม. 2528 ที่ใช้มากว่า 40 ปี
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางพัฒนาเมืองที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนผ่านเทคโนโลยี เช่น แพลตฟอร์ม “Traffy Fondue” ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งปัญหาในพื้นที่ของตนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กทม. ยังมีนโยบายเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในรูปแบบ Machine Readable ซึ่งส่งผลให้ยอดเข้าถึงข้อมูล Open Data เพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านครั้ง เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การพัฒนาแอปพลิเคชันไปจนถึงการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเมือง

เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการและมีส่วนร่วมมากขึ้น กทม. ได้จัดตั้งอาสาสมัครเทคโนโลยี 728 คน ใน 50 เขต เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อาจไม่คุ้นเคยกับระบบออนไลน์ให้สามารถเข้าถึงช่องทางการมีส่วนร่วมทางดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีโครงการเลือกตั้งประธานสภาเด็กและเยาวชนผ่านระบบบล็อกเชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 10,000 คน เพื่อสร้างกระบวนการเลือกตั้งที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
พร้อมทั้งจัดตั้ง สภาเมืองคนรุ่นใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 15-35 ปี มีบทบาทในการกำหนดนโยบายพัฒนาเมือง ผ่านกระบวนการเสนอความคิดเห็นและพิจารณานโยบายที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยตรง เช่น นโยบายดูแลสัตว์จรจัด การพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชน และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมเมืองให้เอื้อต่อการอยู่อาศัยของทุกคน
กทม. ยังริเริ่มโครงการ “Hack Act on 2528” ซึ่งใช้บอร์ดเกมและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพฯ 2528 ที่บังคับใช้มาแล้วกว่า 40 ปี การทำให้ประชาชนตระหนักถึงข้อจำกัดของกฎหมายเดิมและเข้าร่วมในการกำหนดแนวทางแก้ไขเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ระบบการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีเป้าหมายในการกระจายอำนาจให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างคล่องตัวและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น
รองผู้ว่าฯ กทม. ยังย้ำว่า ปัญหาหลักของ กทม.คือโครงสร้างการบริหารที่ยังคงรวมศูนย์อำนาจสูง ทำให้การกำกับดูแลเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในแง่ของการควบคุม แต่กลับส่งผลให้การตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนเป็นไปอย่างล่าช้า ประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไขคือการเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนชุมชนจดทะเบียนในกรุงเทพฯ ลดลงต่ำกว่า 2,000 แห่ง ทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้คือการแก้ไขพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ระดับท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ถอดรหัส ‘เมืองยะลา’ ติด Top 5 เมืองอัจฉริยะในไทย
ขณะที่ พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองยะลา กล่าวถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในเมืองพหุวัฒนธรรมอย่างยะลา เทศบาลนครยะลาได้จัดฟอรัมประจำเดือนเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนกว่า 2,500 – 3,000 คน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของพวกเขาโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนผ่านโครงการค่ายเยาวชนและงบประมาณสนับสนุนโครงการที่ริเริ่มโดยเยาวชนเอง เพื่อให้พวกเขาได้เรียนรู้การบริหารจัดการและมีโอกาสเป็นผู้นำแห่งอนาคต
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เมืองยะลาได้ดำเนินโครงการ Smart City อย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติแบบ Real-time โดยการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับน้ำและสร้างแผนที่ประเมินมูลค่าความเสียหายของเมือง ทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งเสริมพลังงานทดแทน เช่น โครงการโซลาร์เซลล์ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เช่น ติดตั้ง Wi-Fi ฟรีกว่า 100 จุดทั่วเมือง และจัดทำระบบอินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายเคเบิลที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน
เมืองยะลายังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยออกกฎหมายควบคุมความสูงของอาคารริมน้ำ เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อป้องกันปัญหา Urban Heat และริเริ่มโครงการพิพิธภัณฑ์เมืองยะลา (YALA CITY MUSEUM) เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นและความภาคภูมิใจในบ้านเกิด นอกจากนี้ยังมีการวางแผนใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับความเครียดของเด็กขณะทำการบ้าน เพื่อให้ภาคการศึกษาสามารถปรับปรุงแนวทางการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับสภาพจิตใจของผู้เรียนมากขึ้น
นายกเทศมนตรีเมืองยะลา ยังย้ำว่า เมื่อมีการพูดถึงการกระจายอำนาจ มักจะเกิดวาทกรรมที่มองว่าท้องถิ่นขาดความโปร่งใส หรือไม่มีศักยภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งทำให้แนวคิดนี้ถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่การถกเถียง แต่คือการลงมือทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
“ผมไม่ของบประมาณเพิ่ม สิ่งที่ผมต้องการ คือ
พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ
อิสระในการหางบประมาณของเมือง”
สำหรับปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข คือ กฎหมายที่ล้าหลัง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานของท้องถิ่น อีกทั้งระบบราชการยังปลูกฝังวัฒนธรรมการยอมรับข้อจำกัด โดยเจ้าหน้าที่รัฐมักเลือกที่จะนิ่งเฉยเมื่อ พบว่า กฎระเบียบไม่เอื้อต่อการทำงาน ทั้งที่ในความเป็นจริง พวกเขามีสิทธิ์เสนอการแก้ไขกฎหมายหรือร้องขอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
กิโยตินกฎหมาย ปลดล็อกกระจายอำนาจ
วริษฐา นาครทรรพ จาก Soo Voice ระบุถึง ปัญหาของกฎหมายที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกห่างไกลจากกระบวนการนิติบัญญัติ การเสนอแก้ไขกฎหมายยากที่จะเกิดขึ้น จึงเสนอแนวทาง กิโยตินกฎหมาย (Regulatory Guillotine) ซึ่งเป็นกระบวนการทบทวน และยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต
“ประเทศไทยเก่งอย่างหนึ่ง คือการออกฎหมาย กฎหมายย้อนหลังร้อยกว่าปีที่แล้วยังคงมีอยู่ แต่น้อยครั้งเราจะยกเลิกกฎหมาย ทำให้ตอนนี้เรามีกฎหมายอยู่ราว 16,000 ฉบับ การกิโยตินกฎหมายจึงเป็นข้อเสนอที่เราอยากฝากไว้”
วริษฐา นาครทรรพ
การกิโยตินกฎหมาย (Regulatory Guillotine) คือ การทบทวนกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต แต่ทุกวันนี้ ยังไม่สำเร็จเพราะ รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ ขาดหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง พอจะทำก็ใช้วิธีถามความเห็นชอบจากหน่วยงาน และคนที่ทำส่วนใหญ่เป็นนักกฎหมาย ขาดการร่วมมือกับวิชาชีพอื่น
ผู้ร่วมเสวนาต่างเห็นพ้องกันว่า การกระจายอำนาจและการปรับปรุงกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้การบริหารเมืองมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และสร้างสังคมที่เป็นธรรมอย่างแท้จริง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดอนาคตของเมืองและการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพให้กับการบริหารภาครัฐ ถือเป็นแนวทางสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง