ถนนล่องใต้เส้นเอเชีย 41อ่วม ปิดการจราจร หลังมรสุมถล่มใต้ น้ำป่าทะลัก”ชุมพร-ระนอง-นครศรีธรรมราช”วิกฤติ

รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ แนะเลี่ยงเส้นทาง หรือหยุดพักรถ ขณะที่ปภ.แจ้งเตือนภัยระดับ 3 (สีเหลือง) ใน 8 ตำบล อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เตรียมขนย้ายสิ่งของ

วันนี้ (14 ธ.ค. 67) มีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่บริเวณภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จ.ชุมพร จ.ระนอง และ จ.นครศรีธรรมราช หลังเจอมรสุมกำลังแรงที่เข้าปกคลุมพื้นที่ตั้งแต่ช่วงวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ปัจจุบันพบว่าที่ อ.เมือง จ.ชุมพร มีปริมาณน้ำฝนสะสมตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ถึงเวลา 07.00 น. วันที่ 14 ธ.ค. 2567 ที่ 192.4 มิลลิเมตร และที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชมีปริมาณฝนสะสมในช่วงเวลาเดียวกันที่ 233.4 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นปริมาณมากอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ 

ขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มมีน้ำท่วมแล้ว หลังจากฝนตกต่อเนื่องบางพื้นที่ เช่น จ.ชุมพร ปริมาณฝนสะสมมากถึง 373 มม.ล่าสุด มีการแจ้งปิดเส้นทางทั้งด้านขาล่องใต้ และขาขึ้น กทม. เนื่องจากมีน้ำท่วมผิวจราจรบนถนนสายเอเชีย 41 รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้

แนะนำโดยผู้ที่เดินทางจาก กทม.มุ่งลงจังหวัดภาคใต้ ให้หยุดรถหรือพักรอ อยู่ที่จุดพักรถ หรือปั๊มน้ำมัน ในตัวอ.เมืองชุมพร หรือเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกปฐมพร เข้าสู่ จ.ระนอง ส่วนผู้ที่เดินทางจากจ.สุราษฎร์ธานี มุ่งหน้ากทม. ให้หยุดรถ หรือพักรอ อยู่ที่จุดพักรถ หรือปั๊มน้ำมัน ในตัวเมือง อ.หลังสวน

สำหรับผู้ที่อยู่บนถนนเอเชีย 41 ระหว่างแยกปฐมพร อ.เมืองชุมพร จนถึงวัดพระธาตุสวี อ.สวี ให้กลับรถ เพื่อไปหาจุดพักรอ หรือปั๊มน้ำมัน จุดที่ปลอดภัย ในตัวอำเภอเมืองชุมพร เช่นเดียวกัน ผู้ที่อยู่บนถนนเอเชีย 41 ระหว่างวัดพระธาตุสวี อ.สวี ลงไปถึงแยกอำเภอหลังสวน ให้กลับรถ เพื่อไปหาจุดพักรอ จุดพักรถ หรือปั๊มน้ำมันที่ปลอดภัย ในตัวเมือง อ.หลังสวน

ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ทีมข่าว The Active ตรวจสอบสถานการณ์เพิ่มเติมกับ พระสาโรจน์ ปัญญาวโร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ป่าประนิมิต ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเช้ามืด 04.00 น. วันนี้ เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน แต่ล่าสุดช่วงบ่ายน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทิ้งไว้แต่ความเสียหายโดยเฉพาะถนนหนทางและสะพานต่างๆ ที่เวลานี้หน่วยงานด้านการโยธาธิการได้เข้ามาประเมินความเสียหาย และวางแผนซ่อมแซมซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาสัญจรได้ชั่วคราวในวันพรุ่งนี้

สำหรับ สำนักสงฆ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านทับน้ำเต้า ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ พระสาโรจน์ กล่าวว่า หมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเรือนราว 600 หลังคาเรือน เป็นหมู่บ้านใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งด่านหน้าในการเฝ้าระวังและเตือนภัย รวมถึงเป็นจุดอพยพ ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ 

พระสาโรจน์ ปัญญาวโร

พระสาโรจน์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปี 2567 ยังไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับปี 2559 แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังเหตุการณ์เมื่อปี 2559 สำนักสงฆ์ ได้รับเงินบริจาคของชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาร่วมสร้าง ที่พักไว้สำหรับรับรองผู้ที่ ประสบอุทกภัย และได้มีผู้บริจาคสร้างเสาวิทยุ ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เนื่องจากในอดีตการสื่อสารทำได้ยากลำบาก ยังไม่มี LINE แบบปัจจุบันนี้ โดยวิทยุจะใช้รับข้อมูลข่าวสารจากทางอำเภอ และ ใช้ในการสื่อสารกับชาวบ้านในบริเวณที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งจะมีวิทยุสื่อสารอยู่ตามกลุ่มหมู่บ้าน เมื่อได้รับแจ้งก็จะเกิดการเตรียมความพร้อม 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่สถานการณ์อุทกภัยใน 2 จังหวัด  ได้แก่ นครศรีธรรมราช ชุมพร รวม 7 อำเภอ 22 ตำบล 73 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,295  ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยังคงสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่เร่งช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)  เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ความกดอากาศสูงกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ทําให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 22 พ.ย. – 14 ธ.ค. 67 เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 88 อำเภอ 542 ตำบล 3,738 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 32 ราย ปัจจุบันยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ 

1.จังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เมืองฯ อ.ปากพนัง   อ.เชียรใหญ่ และอ.พระพรหม รวม 18 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,950ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันคลองท่าดีมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น

2.จังหวัดชุมพร เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอทุ่งตะโก รวม 4 ต. 9 ม. ได้แก่ ต.ตะโก ต.ช่องไม้แก้ว ต.ตะไคร้ ต.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 345 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ปัจจุบันคลองหลังสวนระดับน้ำเพิ่มขึ้น

สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชน กำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ยังทำงานอย่างเต็มกำลังในพื้นที่ อาทิ เครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำระยะไกล รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย เรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ เฮลิคอปเตอร์ป้องกันละบรรเทาสาธารณภัย KA 32 รวมถึงทีม ปภ.ส่วนหน้า ยังคงคิดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ ปภ.ได้กำชับให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเร่งประสานจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ปภ.แจ้งเตือนภัยระดับ 3 (สีเหลือง) ใน 8 ตำบล อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

เวลา 11.30 น. ของวันนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ตำบลปากแพรก อำเภอดอนสัก และตำบลป่าร่อน ตำบลช้างซ้าย ตำบลกรูด ตำบลช้างขวา ตำบลกระแดะ ตำบลท่าอุแท ตำบลพลายวาส ตำบลคลองสระ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย โดยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” เพิ่มเพื่อนที่ Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเวลา

โฆษก สธ. เผย “น้ำท่วมใต้” รพ.กลับมาเปิดบริการปกติทุกแห่งแล้ว

นพ.ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ภาพรวมขณะนี้ มีการปิดศูนย์พักพิงแล้วทั้งหมด ส่วนสถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบทุกแห่งสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยแห่งล่าสุดคือ โรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งทีมสนับสนุนระบบบริการด้านสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน (MSERT) ได้เข้าฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ประปา และอุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อย สามารถปิดบริการโรงพยาบาลสนามได้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้ให้การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบางรวมทั้งสิ้น 19,829 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง 1,442 ราย ผู้พิการ 4,121 รราย หญิงตั้งครรภ์ 281 ราย ผู้สูงอายุ 9,958 ราย และอื่นๆ (จิตเวช/ฟอกไต) 4,027 ราย

“กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ช่วงวันที่ 13-16 ธันวาคม 2567 จึงได้กำชับให้มีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ที่มีการแจ้งเตือนเรื่องน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก”

จึงให้เตรียมการป้องกันความเสี่ยงผลกระทบต่อสถานพยาบาล การให้บริการประชาชนและกลุ่มเปราะบาง รวมถึงสื่อสารความเสี่ยงโรคที่มากับน้ำท่วม ซึ่งจากการเฝ้าระวังทั้งโรคไข้เลือดออก โรคฉี่หนู โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอุจจาระร่วง โรคหัด และโรคไอกรน ยังไม่พบมีการระบาด

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active