หลังประชาชนสนใจซื้อรถอีวีจำนวนมาก ทำให้วงเงินกำลังจะหมดในเดือน ก.ย. นี้ ลุ้น กกต.ไฟเขียวหรือไม่ เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ
หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการอีวี 3.0 ที่อุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า(รถอีวี) ไม่เกินคันละ 150,000 บาท โดย ครม.ได้อนุมัติวงเงินไปก่อนหน้านี้ 3,000 ล้านบาท และกำลังจะหมดลงภายในเดือน ก.ย.นี้ จากเดิมเดือน ธ.ค. 66 เนื่องจากประชาชนสนใจซื้อรถอีวี เป็นจำนวนมาก ทำให้วงเงินไม่เพียงพอ
ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค. 2566) กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนจากปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นวงเงินเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาอุดหนุนส่วนลดราคาในการซื้อรถอีวี โดย ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการครม. ระบุว่า หาก ครม.ให้ความเห็นชอบ ก็ต้องส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาอนุมัติ ว่าครม. รักษาการสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งแนวโน้มที่ กกต.จะอนุมัติก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากเป็นมาตรการที่มีความต่อเนื่อง ไม่ใช่โครงการใหม่ที่จะกระทบการบริหารงานของรัฐบาลหน้า
สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ และผลิตรถอีวีที่เป็นชุดมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมในชุด มาตรการ EV3.5 ที่มีทั้งการอุดหนุนส่วนลดให้กับผู้ซื้อรถอีวีคันละไม่เกิน 100,000 บาท มีปริมาณของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่ขอรับสิทธิในปี 2565 รวมทั้งสิ้น 39,722 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 35,322 คัน และรถจักรยานยนต์ ไฟฟ้า 4,400 คัน
ขณะที่แหล่งงบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนมาตรการ EV3 ในปีงบประมาณ2567-2568 คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เห็นว่า ยังไม่สามารถนำเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาใช้ได้ เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องวัตถุประสงค์ของการใช้เงิน จึงให้กรมสรรพสามิตขอรับการจัดสรรงบกลางฯ ของปีงบประมาณประจำปี 2567 ไปพลางก่อน
ส่วนมาตรการสนับสนุนทางการเงินให้แก่บริษัทที่จะลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อีวีในประเทศไทย จะต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา โดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เตรียมจะเสนอแพ็กเกจนี้ให้ ครม.ชุดใหม่พิจารณาเห็นชอบเพื่อเป็นมาตรการที่จะส่งเสริมการใช้และผลิตรถอีวีในประเทศไทยต่อไป