‘เครือข่ายองค์กรงดเหล้า’ ห่วง รัฐมองแค่มิติเศรษฐกิจ จนลืมควบคุม ปกป้องผลกระทบต่อประชาชน ด้าน นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย เชื่อ กระจายรายได้สู่ผู้ผลิตระดับรากหญ้ามากขึ้น
ตามที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน พร้อมทั้งมอบนโยบายการดำเนินงานในปีหน้า ภายใต้ชื่อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ซึ่งหนึ่งในนโยบายที่น่าจับตาคือเรื่อง สุราชุมชน
โดย นายกฯ ระบุว่า สุราชุมชนเป็นสิ่งที่จะเปิดโอกาส เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้พี่น้องประชาชน ได้สร้างธุรกิจของตนเอง เพราะหากมองถึงกฎหมาย ยังพบว่า มีข้อจำกัดเยอะมาก ที่มาจำกัดเรื่องของความครีเอทีฟ ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มของไทย Soft drink น้ำแร่ น้ำหวาน มีการส่งออกมากกว่าปีละ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐสามารถเก็บภาษีได้ถึง 185,000 ล้านบาทต่อปี ถือได้ว่าธุรกิจเรื่องน้ำเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอีกมากมาย ถ้าเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สร้างสรรค์มีความครีเอทีฟ ออกมา
สมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย เปิดเผยกับ The Active โดยให้ความเห็นถึงสิ่งที่ นายกฯ แถลงว่า ก่อนหน้านี้มีหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หลังไมค์ว่าปีหน้า จะมีงานใหญ่ ซึ่งจะมีเรื่องของสุราด้วย ถือเป็นข่าวดีเพราะว่าเป็นงานใหญ่ ที่จะมีการนำเอาสุราชุมชน ไปเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่กระตุ้นเศรษฐกิจ
“ปีหน้ามาแน่ อันนี้ผมยืนยันได้ เพราะว่ามีการส่งสัญญานมาจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติแล้ว และพอ นายกฯ ประกาศแบบนี้ ทำให้เรามั่นใจว่าปีหน้ามาแน่ ถึงจะไม่แก้กฏหมาย หรือกฎหมายไม่ผ่าน แต่ว่าตอนนี้ สุราชุมชนคุณภาพมันดีแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลสนับสนุน ปีหน้าก็เป็นปีที่บูมเลย”
สมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร
ส่วนในมิติเรื่องสุขภาพนั้น นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย ให้ความเห็นว่า มีความกังวลว่าการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องสุรา จะเป็นภาพพจน์ที่ไม่ดีต่อรัฐบาล แต่หากมองด้วยความเป็นธรรม การบริโภคสุราในประเทศไทย ไม่ใช่เพียงสุราชุมชน แต่หมายถึงสุราทั้งหมด ไม่ได้มีนัยยะสำคัญที่จะลดลง ยังคงมีการบริโภคอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นทุกปี
“ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรมก็คือว่า เราไม่ได้ดัดจริตเกินไปว่าถ้าเราจะกระตุ้นเรื่องสุราชุมชนให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเทียบกับสุราของกลุ่มทุน คนทั่วประเทศก็บริโภคอยู่แล้ว ถ้าสนับสนุนสัดส่วนทางการตลาดของสุราชุมชนที่เดิมมี 5% เป็น 10% ก็เป็นเหมือนการกระจายรายได้ ให้กับรากหญ้า เราไม่ได้บอกว่าพอเราสนับสนุนสุราชุมชนแล้ว มันจะทำให้คนดื่มสุราเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ เพราะว่ามันเท่าเดิม เพียงแต่มีการ กระจายสินค้าชุมชนมากขึ้น”
สมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร
ในส่วนของกฎหมายขณะนี้ก็กำลังมีการแก้กันอยู่ในขั้นของกรรมาธิการฯ เช่น การให้เสรีในการผลิตสุราสี ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสมาคมสุราฯ เรียกร้องกันมานานแล้ว และอีกหนึ่งเรื่อง คือ การปลดล็อคจำนวนการผลิตเบียร์
“ในปีหน้าจะมีกฎหมายสุรา อยู่ 2 ฉบับ ที่อยู่ในสภาฯ ผมไม่คาดหวังว่ามันจะผ่าน แต่ก็ไม่ได้ว่าผิดหวังนะ มันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เพราะเราสู้กันมาเป็น 10 ปีแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จ แต่ถ้าจะรออีกสักปี 2 ปี ก็ไม่เป็นไร”
สมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นกฏหมายสุรา ยังคงทีความท้าทายและกังวลที่ต้องติดตามอีกหลายเรื่อง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องของการผักดันแก้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่ว่าด้วย การห้ามโฆษณา ซึ่ง นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย ก็มองว่า เป็นกฎหมายที่เป็นจุดตายของผู้ผลิตรายย่อย ทั้งสุรา และเบียร์ หากมีการแก้กฎหมายข้อนี้ได้ นับว่าเป็นทิศทางที่ดีของวงการ
จี้รัฐบาลควบคุม คุ้มครองประชาชน อย่างมองแค่มิติเศรษฐกิจ
อีกด้าน ธีระ วัชรปราณี ตัวแทนเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ให้ความเห็นกับ The Active ว่า หากรัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องสุรา ต้องมีมาตราการมารองรับ เช่น การควบคุมร้านค้าไม่ให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับคนเมา หรือว่าเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบ คุมเข้ม ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า รัฐบาลยังไม่ได้เพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไปอย่างชัดเจน ในการที่จะปกป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งที่คือส่วนที่จะไปมีผลกระทบกับผู้อื่น
“สิ่งที่รัฐบาลประกาศออกมาในปี 2568 สิ่งที่ต้องพูดต่อคือ แล้วการควบคุม และคุ้มครองประชาชนผู้ที่ไม่ได้ดื่ม หรือผู้ที่ใช้ชีวิตปกติแล้วได้ผลกระทบ จะทำอย่างไร ถือเป็นโจทย์ที่อยากให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย เพราะว่ามองแต่มิติเศรษฐกิจ หรือเพิ่มรายได้อย่างเดียวมันไม่พอ”
ธีระ วัชรปราณี
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง