ธปท. เห็นด้วยแก้กฎหมาย แบงก์-ค่ายมือถือ ชดใช้เหยื่อโดนหลอกโอนเงิน

แบงก์ชาติส่งความเห็นให้รัฐบาล เห็นด้วยกับหลักการแก้กฎหมาย พ.ร.ก.ไซเบอร์ ให้ธนาคาร-ค่ายมือถือร่วมชดใช้เหยื่อ แต่ต้องขีดมาตรฐานให้ชัดว่าให้รับผิดชอบได้แค่ไหน

กรณีรัฐบาลต้องการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพื่อให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ต้องมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบค่าเสียหายด้วย หากปล่อยให้มีการหลอกหลวงทางการเงินทางออนไลน์ หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้น โดย ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) เตรียมเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาใหม่อีกครั้งในวันที่ 28 ม.ค. 2568 หลังจากที่ถูกเลื่อนออกไปก่อนหน้า เพราะต้องรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม

ล่าสุด รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยกับทีมข่าว Policy Watch Thai PBS ว่า ธปท. ได้เห็นร่าง พ.ร.ก.การปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ ฉบับใหม่ดังกล่าวแล้ว และได้ส่งความเห็นไปให้กับรัฐบาล โดย ธปท. เห็นด้วยที่หลายภาคส่วนจะต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหาย เพราะการจัดการปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้ง ผู้เสียหาย ธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (Telco) รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ

โดย ธปท. สนับสนุนหลักการที่ให้แต่ละฝ่ายมีขอบเขตความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง และหากทำไม่ได้ ก็ควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบนั้น เพียงแต่จะใช้มาตรฐานไหนในการกำหนดว่าคนนั้นจะต้องรับผิดชอบเท่าไหร่ สมมติถ้าตนบันทึกรหัสพิน (PIN) ไว้ในโทรศัพท์มือถือ แล้วมีบุคคลอื่นนำมือถือตนไปใช้ จนเกิดการรั่วไหลของรหัสพิน อันนี้ก็ถือว่าตนต้องมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ จะให้ Telco หรือ ธนาคารพาณิชย์มารับผิดชอบแทนไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของการขีดมาตรฐาน

“ถ้าเกิดลูกค้าได้ดูแลตัวเองดีแล้ว เผอิญไปเสียหายที่ระบบของธนาคารที่โดนโจมตีทางไซเบอร์ สมมติสาเหตุเกิดจากมาตรฐานของธนาคารพาณิชย์เผอิญหย่อนกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. ได้ตั้งไว้ อันนี้ธนาคารพาณิชย์ต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า” รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน กล่าว

รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)


อย่างไรก็ตาม สังคมประเทศชาติคาดหวังว่าทุกคนต้องทำได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบ สมมติ ธปท. ออกมาตรฐานในการเปิดบัญชีใหม่ และกำหนดกระบวนการตรวจสอบขึ้นมา หากธนาคารพาณิชย์ปฏิบัติตามไม่ได้ และบัญชีที่หลุดไปเป็นบัญชีม้าถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ อันนี้ก็ควรเป็นสิ่งที่ธนาคารพาณิชย์ต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นจึงอยู่ที่การยึดหลักการมากกว่าว่าอะไรคือมาตรฐานที่สังคมคาดหวัง

กรณีที่สิงคโปร์กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และค่ายโทรศัพท์มือถือให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบความเสียหายด้วย นั่นคือหลักการคิดของสิงคโปร์ ส่วนไทยต้องขีดมาตรฐานให้ชัดเจน ถ้าหากธนาคารพาณิชย์หรือค่ายโทรศัพท์มือถือไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่กำหนดก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ

สำหรับหลักเกณฑ์มาตรฐาน ธปท. ได้ส่งความเห็นไปว่า ผู้ที่เขียนหลักเกณฑ์จะต้องเป็นรู้จักธุรกิจนั้นดีพอสมควร เช่น ถ้าเป็นเรื่องของธนาคารพาณิชย์ว่าควรรับผิดชอบแค่ไหน ธปท. จะขออาสาเป็นผู้เขียนหลักเกณฑ์นั้น เพราะ ธปท. จะอยู่บนความสมดุล โดยจะพิจารณาด้วยว่าธนาคารพาณิชย์ควรทำได้เท่าไหร่ แต่ก็คงไม่ได้ถึงขนาดให้ต้องดูแลปกป้องทุกอย่าง แต่ถ้าทำได้ถึงมาตรฐานที่ตกลงกันภายในระยะเวลาที่ไม่ได้ยาวเกินไป ก็ได้ถือว่าธนาคารพาณิชย์ได้แสดงความรับผิดชอบในส่วนนั้นแล้ว ส่วนมาตรฐานของ Telco หรืออย่างอื่น ธปท.คงไม่มีความรู้เพียงพอที่จะไปกำหนดได้ ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่กำกับดูแลในแต่ละภาคส่วนนั้น ๆ เป็นผู้กำหนดมาตรฐานเหล่านั้นเช่นกัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active