‘สมชัย จิตสุชน’ เผย 42%ของคนไทยจนแน่ ถ้ารัฐยังไม่แก้ปัญหาจริงจัง แนะตั้งกองทุนพัฒนาทักษะ เร่งนโยบายอัพสกิล – รีสกิล เชื่อ ได้ผลยั่งยืนกว่าแจกเงินหมื่น
ตามที่ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงสถานการณ์ความยากจนผ่านการวัดความยากจนหลากหลายมิติ คือ มิติด้านสุขภาพ, มิติด้านการศึกษา, มิติด้านรายได้, มิติด้านความเป็นอยู่, มิติด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ ประมาณกว่า 6 ล้านคน และพูดถึงกลุ่มคนเสี่ยงจนเป็นตัวเลขอย่างชัดเจน เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 68 ตาม ข้อมูล ดัชนีความจนหลายมิติ(MPI) คนไทย”จน-เสี่ยงจน” เกือบครึ่งประเทศ ที่นำเสนอผ่านเพจ Policy Watch
The Active สัมภาษณ์ความเห็นเพิ่มเติมกับ สมชัย จิตสุชน ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI พบว่า ข้อมูลที่ สภาพัฒน์ รายงานว่า ประเทศไทยมีคนเสี่ยงจนอีก 24.3 ล้านคน เป็นตัวเลขที่ไม่เกินความคาดหมาย สอดคล้อง กับ ข้อมูลของ TDRI พบคนเสี่ยงจน คิดเป็น 42% ของคนทั้งประเทศ

เมื่อไทยเป็น สังคมสูงวัยไร้เงินออม ไร้ความรู้ ไม่ทันโลก
ข้อมูลของ TDRI จากประชากรไทย อายุ เกิน 16 ปี และเรียนหนังสือมาน้อย ไม่มีการศึกษา หรือ จบ ป.4 พบว่า กลุ่มคนเสี่ยงจน มี 2 กลุ่มหลัก คือ สูงวัยที่ไม่มีการศึกษา และ แรงงานนอกระบบที่ไม่มีความแน่นอนในการจ้างงาน อยู่ที่ประมาณ 42% ของประชากรกว่า 60 ล้านคน
คนสูงวัย อายุมากกว่า 40 ปี เป็นกลุ่มคนที่เริ่มไม่มีพละกำลังทำงาน ประกอบกับเรียนหนังสือมาไม่เยอะ จึงกลายเป็นอีกกลุ่มที่เสี่ยงจน รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่บริษัทส่วนใหญ่มักเลิกจากแรงงานที่มีอายุเกิน 50 ปีไปแล้ว
ขณะที่อีกกลุ่ม คือ แรงงานนอกระบบ เป็นกลุ่มใหญ่ที่ลดลงช้า แรงงานนอกระบบไม่มีความแน่นอนในการจ้างงาน จากปัจจัยการแข่งขันสินค้าจากจีนที่ทะลักเข้ามา กระทบผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ส่งผลให้แรงงานนอกระบบถูกเลิกจ้างได้ง่าย
และอีกประเด็นที่ สภาพัฒน์ พูดถึงบ่อย คือ มิติของบำเหน็จ บำนาญ ซึ่งประเทศไทยก็มีแรงงานนอกระบบจำนวนมากที่ไม่มีบำเหน็จ บำนาญ จึงเป็นกลุ่มที่เสี่ยงจนได้
“ผมไม่แปลกใจที่คนเสี่ยงจนเพิ่มขึ้น 24.3 ล้านคน เพราะสังคมไทยอยู่ในสังคมสูงวัยไร้เงินออม และอีกประเด็นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง คือ ไทยสูงวัยแบบไม่ค่อยมีความรู้ ไม่เก่ง ไม่ทันโลก คนสูงวัย และแรงงานที่มีการศึกษาน้อย เป็น 2 กลุ่มที่เสี่ยงจนได้อย่างดี”
สมชัย จิตสุชน

แนะตั้งกองทุนพัฒนาทักษะการจ้างงาน
สมชัย ยังย้ำว่า อย่าเพิ่งถอดใจว่าคนสูงวัยไม่มีศักยภาพ ต้องดูว่า คนกลุ่มนี้มีทักษะไหนที่สามารถพัฒนาต่อได้ ที่เรียนรู้ได้ไม่ยากนัก ทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ทักษะความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร ที่จำเป็นต้องจับมือระหว่างคนที่มีความรู้ทางเทคโนโลยี กับกลุ่มแรงงาน
โดยเสนอให้รัฐบาลลองทำโครงการเหล่านี้แทนวิธีการเดิม ๆ อย่างการ ประกันราคาที่ไม่ยั่งยืน โดยการทำกองทุนเพื่อพัฒนาทักษะ การจ้างงานให้กับกลุ่มที่ตามไม่ทันโลก เหล่านี้อีกกว่า 20 ล้านคนจะดีกว่าหรือไม่ ? พร้อมเสนอให้รัฐบาลทำนโยบายที่เกี่ยวกับการอัพสกิล รีสกิล เพิ่มทักษะเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยั่งยืนและได้ผล
“เพราะเรามีคน 20-30 ล้านคนที่ตามไม่ทันโลก เพราะฉะนั้นต้องอบรบ ปีละ 10 ล้านคน ใช้เงินสัก แสนล้าน ต้นทุนต่อคน 10,000 บาทต่อหัว ทำแบบนี้จะเริ่มเห็นผล ถ้าถามว่า แสนล้านแพงไหม ก็ต้องถามกลับว่า รัฐบาลมีเงินแจกดิจิทัลวอลเล็ต เอาเงินมาทำนโยบายอัพสกิล-รีสกิล แบบนี้ ได้ผลและยั่งยืน เพราะหากมีงานทำ คนกลุ่มนี้ก็จะมีชีวิต มีอนาคต มีศักดิ์ศรี ไม่หลงผิด ช่วยแก้ปัญหาทั้งสังคมสูงวัย ความเหลื่อมล้ำ และความยากจน”
สมชัย จิตสุชน