หญิงไทย เสี่ยงกลายเป็น ‘แรงงานนอกระบบ’ เหตุรับภาระ แบกครอบครัว สู้งานหนักแต่ไร้ค่าจ้าง

ผลสำรวจ พบ หญิงไทยเกินครึ่งต้องทำงานดูแลผู้สูงอายุ รับภาระเพิ่ม แต่ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มตาม สอดคล้องงานวิจัย ระบุ แรงงานหญิงทั่วโลกทำงาน ไม่ได้รับค่าจ้าง 21.7% ด้าน UNDP แนะ ต้องทำนโยบายลดภาระงานที่ไม่ได้ค่าจ้างให้เพศแม่

วิจัย งานดูแลและงานบ้านที่ไม่ได้รับค่าจ้างของหญิงไทย และผลกระทบต่อการจ้างงานที่มีคุณค่า ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประเทศไทย นิยามความหมายของงานดูแล และงานบ้านที่ไม่ได้รับค่าจ้างของหญิงไทย คือ งานที่ทำเพื่อสมาชิกในครัวเรือน (domestic care) ทั้งการดูแลสมาชิกครอบครัวโดยตรง เช่น การดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ หรือ คนพิการในบ้าน และการดูแลโดยอ้อม เช่น การทำความสะอาดบ้าน การทำอาหาร การไปรับ-ไปส่งคนในครอบครัว

โดย การทำงานหนักเหนื่อยของเพศหญิงในยุค ครอบครัวแซนวิช ทำให้ผู้หญิงต้องแบกทั้งภาระการดูแลบ้าน, ลูก และ พ่อ แม่ ปิดโอกาส และทางเลือกในการใช้ชีวิตการทำงานของเพศหญิงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ประเด็นการทำงานไม่ได้รับค่าจ้าง ยังกลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญของการวางนโยบายทั่วโลก

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศไทย กำลังเผชิญ สถานการณ์ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เพศหญิง ต้องออกจากการเป็นแรงงาน จากข้อมูล ปี 2562 พบว่า เกือบ 50% ของแรงงานหญิงนอกระบบ มีสภาพการทำงานที่สุ่มเสี่ยง และได้รับการคุ้มครองน้อยเมื่อเทียบกับ แรงงานในระบบ

หากยังไร้ความช่วยเหลือในการลดภาระงาน อาจทำให้เพศหญิงจำนวนมากหันมาเป็น แรงงานนอกระบบ เพื่อแบ่งเบาภาระการดูแลครอบครัว

ขณะเดียวกันงานเหล่านี้ก็ยังไม่มีค่าจ้าง ส่งผลกระทบลดทอนศักยภาพการเติบโตในมิติเศรษฐกิจ บางฝ่ายให้เหตุผลว่า สัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ กำลังแรงงานลดลงระหว่างปี 2556 – 2562 และปัจจัยนี้ยังลดการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เกือบ 1%

อ่านงานวิจัย “งานดูแลและงานบ้านที่ไม่ได้รับค่าจ้างของหญิงไทยและผลกระทบต่อการจ้างงานที่มีคุณค่า” เพิ่มเติม…

หญิงทั่วโลก ทำงานไม่ได้รับค่าจ้าง

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) มีรายงานว่า ทั่วโลกมีผู้หญิงวัยทำงานร้อยละ 21.7 ทำงานเต็มเวลาไม่ได้รับค่าจ้าง ในทางตรงกันข้าม มีเพศชายทำงานเต็มเวลาไม่ได้รับค่าจ้าง เพียงร้อยละ 1.5 งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า งานที่ไม่ได้รับค่าจ้างนั้น ทำให้การแก้ปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างเพศชะงักลงทั้งในมิติการจ้างงาน รายได้ และคุณภาพงาน จึงเสนอแนะมาตรการสำคัญจัดการเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ด้วยการสร้างโอกาส การจ้างงาน และให้คุณค่าแก่เพศหญิง

การสำรวจในช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด-19 โดย UN Women พบว่า ทั่วโลกทั้งเพศชาย และเพศหญิง ภาระเพิ่มขึ้น แต่ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ภาระงานที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่เพศหญิงมากกว่า โดยพบว่า ผู้หญิง มากกว่า 50% ในไทย และฟิลิปปินส์ ทำงานดูแลผู้ใหญ่มากกว่า ขณะที่ ผู้หญิงมีแนวโน้มตกงานมากกว่าเพศชาย และมีผู้หญิงเพียง 20% ได้รับการคุ้มครองจากประกันภัยการว่างงาน

แรงงานไทยเข้าสู่ ‘ภาวะยากจนทางเวลา’

ขณะที่หลายคนในประเทศไทย ทั้ง ชายและหญิง ตกอยู่ในภาวะยากจนทางเวลา หรือ ภาวะขาดแคลนเวลา เพราะคนเหล่านี้ต้องใช้เวลามากไปกับการทำงานทั้งตลาดแรงงานในระบบ และนอกระบบ พร้อมภาระหน้าที่ต่อครอบครัว และชุมชน การใช้เวลาของผู้หญิงแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความคาดหวังเรื่องบทบาทของ 2 เพศที่ต่างกันของานดูแล และงานบ้าน

ทัศนคติ เพศหญิงควรทำงานที่ไม่ได้ค่าจ้างยังสูง

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) รายงานว่า

  • ผู้ชายเพียง 10% เชื่อว่า ผู้หญิงควรทำงานที่ได้รับค่าจ้าง

  • ผู้ชาย 39% เชื่อว่า ผู้หญิงควรทำหน้าที่ดูแลครอบครัวเพียงอย่างเดียว

  • ผู้ชาย 47% เชื่อว่า ผู้หญิงควรรับหน้าที่ทั้งสองอย่าง

สอดคล้องกับ ผลสำรวจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า กว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่า จะเกิดความขัดแย้งในครอบครัว หากผู้หญิงทำงานนอกบ้าน โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ชายชอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรับหน้าที่ดูแลครอบครัว ไม่ว่าผู้หญิงจะทำงานประจำไปด้วยหรือไม่ก็ตาม

เช่นกันกับในพื้นที่ชนบท ผู้หญิงใช้เวลามากกว่าผู้ชายกว่า 60% ไปกับงานบ้าน และงานดูแล ในขณะที่ก็ทำงานนอกบ้านไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ชาย หลายคนในไทยประสบภาวะยากจนทางเวลา (time poverty) โดยผู้หญิงต้องแบกรับหน้าที่มากขึ้น จากความคาดหวังของสังคมว่า ผู้หญิงต้องทำงานดูแล และงานบ้าน

วิสุทธิ์ ตันตินันท์ ที่ปรึกษาด้านการขยายความร่วมมือและพันธกิจ UNDP ประจำประเทศไทย

UNDP แนะผลักดันนโยบายลดภาระงานที่ไร้ค่าตอบแทนของเพศหญิง

วิสุทธิ์ ตันตินันท์ ที่ปรึกษาด้านการขยายความร่วมมือและพันธกิจ UNDP ประจำประเทศไทย ระบุว่า ข้อเสนอจากงานวิจัยชิ้นคือ นโยบายเสนอแนะเพื่อเศรษฐกิจแห่งการดูแล (Care Economy) ช่วยลดภาระเพศหญิงด้วยการกระจายงานที่ไม่ได้รับค่าจ้าง เช่น การดูแลเด็ก, การดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ, การสูญเสียรายได้ของผู้หญิงที่ต้องทำงานดูแล ด้วยนโยบาย เช่น

  • ให้สิทธิบิดาดูแลบุตรโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

  • ศูนย์ดูแลเด็กของรัฐบาลและเอกชนอย่างทั้วถึง ให้สิทธิประโยชนท์ทางภาษีกับศูนย์เด็กเล็ก

  • อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และ Home Health ให้เงินอุดหนุนหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ทำงานด้านนี้ ร่วมมือกับโรงเรียนในพื้นที่

  • สิทธิลาคลอดโดยได้รับค่าจ้าง

วิสุทธิ์ ยังย้ำว่า การพัฒนามนุษย์ และเศรษฐกิจของประเทศ จำเป็นต้องสร้างความเป็นเท่าเทียมให้กับคนทุกเพศ ทั้งหญิงและชาย รวมถึงส่งเสริม เพิ่มทางเลือก เพิ่มโอกาสให้เพศหญิง ที่กำลังตกอยู่ในภาวะการทำงานหนักที่ไร้ค่าตอบแทน


รับชมรายละเอียดเพิ่มเติม ในรายการ The Resources วิจัยใกล้ตัว ทุกวันจันทร์ – พุธ เวลา 21.55 น. ทาง Thai PBS

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active