เนื่องใน ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ ปีนี้ ‘ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย’ โดยการรวมตัวกันขององค์กร ชาวชุมชน หมู่บ้าน ที่ไร้ความมั่นคงในด้านที่อยู่อาศัย กว่า 11 องค์กร ร่วมรณรงค์ ยกระดับข้อเรียกร้องให้รัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ บรรจุ ‘ที่อยู่อาศัย’ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมชงข้อเรียกร้อง 7 เรื่องเร่งด่วน ถึงรัฐบาล แลพผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยให้ประชาชน
จากข้อมูลแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปีของรัฐบาลไทย พบว่า มีประชาชนไทยกว่า 5.87 ล้านครัวเรือน ไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ประกอบกับการแก้ไขปัญหาการไล่รื้อชุมชน ข้อพิพาทที่ดิน กับเอกชนและหน่วยงานรัฐ ตามกลไกที่มีอยู่ มีความล่าช้า ทั้งที่ ที่อยู่อาศัยเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต พวกเขาจึงหวังให้การเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นจุดเริ่มต้นให้รัฐบาล และทุกภาคส่วนสนับสนุนให้เรื่องที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหน้าที่ของรัฐและแนวทางในการแก้ไขปัญหาสู่ความมั่นคงของที่อยู่อาศัยประชาชน
โดยขบวนการรณรงค์ “วันที่อยู่อาศัยโลก” ปีนี้ ตั้งใจสื่อสารและตอกย้ำว่า หลายเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองทั้ง 14 ตุลาคม 2516 ไปจนถึง 6 ตุลาคม 2519 คือ จุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ที่ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน โดยประเด็นสำคัญในการเรียกร้องในวันที่อยู่อาศัยโลกปีนี้ จึงหวังให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และการยืนยันสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ การต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเท่าเทียมและสิทธิ์ประชาชน





ขบวนรณรงค์ได้เคลื่อนมาจากศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร ไปยังบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย และทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเรียกร้องสำคัญ 7 ข้อ ต่อตัวแทนนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในย่านคลองเตย, การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย, การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของประชาชนในที่ดินสาธารณประโยชน์, การแก้ไขปัญหาการรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ทำกินในรูปแบบสหกรณ์, การขับเคลื่อนนโยบาย “โฉนดชุมชน” และ การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและผู้เช่าห้องราคาถูก
เนืองนิช ชิดนอก กรรมการขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย ย้ำว่า ที่ผ่านมาแม้จะมีนโยบาย และกลไกคณะกรรมการชุดต่าง ๆในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย แต่เป็นไปด้วยความล่าช้า การกำหนดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่ของรัฐจึงเป็นหัวใจสำคัญให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มั่นคง
“ไม่ว่าจะตั้งคณะกรรมการชุดไหนก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้มีการดำเนินการตามนั้น เรามองเห็นการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้เดินหน้าได้ จริง ๆมันจะต้องทำในลักษณะเช่นเดียวกับหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือคนทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงไม่ใช่แค่ 11 องค์กร ที่มาเรียกร้องเท่านั้น ทุกคนทั่วประเทศที่มีปัญหาที่อยู่อาศัยทุกประเภท ต้องสามารถที่จะเข้าถึงสิทธิได้เท่าเทียมกัน”
เนืองนิช ชิดนอก
ขณะที่ชาวบ้าน ที่มารวมตัวในวันนี้ มาจากชุมชนใน กทม. เมืองใหญ่ในภูมิภาคต่าง ๆ พวกเขายืนยัน ล้วนเป็นประชาชนผู้เดือดร้อน ประสบปัญหาที่ทำกินที่อยู่อาศัย การถูกไล่รื้อ ข้อพิพาทที่ดินกับรัฐและเอกชน ต่างบอกว่า การแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยที่ล่าช้า ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนทั้งครอบครัวในมิติต่าง ๆ จึงหวังให้ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
“ต้องบอกว่าเราเป็นคนจน พอเราเช่าที่ดินเอกชนอยู่เราก็ถูกไล่ ก็ต้องย้ายขยับไปปลูกที่ดินที่เป็นของหลวง ก็ถูกไล่อีก เราไปทำมาหากินอยู่ รู้ว่ามีคนมาไล่ก็ต้องรีบกลับมาแก้ไขปัญหา และที่บ้าน มีทั้งผู้สูงอายุ ก็คือแม่ มีลูกที่เรียนหนังสือ ทำให้สูญเสียทุกอย่างโดนไล่ออกจากงานมาแล้วก็มีมาแล้ว ย้ายไปเรื่อย ๆ ลูกก็ไม่มีที่เรียน น้ำไฟก็เสียแพงกว่าคนทั่วไป อยากให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน”
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่อาศัย จ.นนทบุรี





ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย ยังได้ยื่นหนังสือต่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีประเด็นข้อเรียกร้องเชิงนโยบาย เช่น การเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน, การชะลอการไล่รื้อพร้อมหาทางออกที่เป็นธรรม, การเดินหน้าโฉนดชุมชน, ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างการวางผังเมืองที่ไม่สอดคล้องกับการพัฒนา และที่อยู่อาศัยที่พักฉุกเฉินสำหรับคนไรบ้าน เป็นต้น
ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า การพัฒนาเมืองจะต้องให้ความสำคัญกับความมั่นคง และการมีที่รองรับดูแลชุมชนต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาในที่อยู่อาศัย กทม.ได้ประสานกับหน่วยงานกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาประชาชนกว่า 400 ชุมชนใน กทม.
“เราก็พยายามที่จะทำให้ชุมชนเหล่านี้ถูกกฎหมายเข้าสู่ระบบตามกฎหมาย เช่น สมมุติว่าเป็นชุมชนที่ รุกล้ำริมคลองอยู่ ก็ต้องมีการดำเนินการ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พอช. กรมธนารักษ์เพื่อที่จะพัฒนาให้เป็นบ้านมั่นคง ออกจากที่สาธารณะ พื้นที่ที่มีการเช่าอย่างถูกกฎหมาย ให้เกิดความมั่นคงในชีวิต โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกไล่ หลักการก็คือทุกชุมชนที่อยู่ยังไม่ถูกต้อง ต้องพยายามเข้าสู่ระบบ เช่นบ้านมั่นคงให้ได้เรเช่นชุมชนคลองเปรมประชากร ก็สามารถที่จะทำได้เยอะแล้ว แล้วก็มีการร่วมกับหลายหน่วยงาน หัวใจก็คือว่า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ทุกคนมีชีวิตมีครอบครัวที่ต้องดูแล ถ้าเราจะปรับต้องมีที่ให้เขาไปได้และค่อย ๆ ทำอย่างเห็นอกเห็นใจทุกฝ่าย”
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ล่าสุด โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้มารับข้อเสนอเนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก จากภาคประชาชน

จากนั้น ตัวแทนภาคประชาชนได้เข้าหารือ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหารายกระทรวง เช่น ที่ดินที่เกี่ยวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยยืนยันว่า เรื่องเหล่านี้ตนเห็นปัญหามาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาขาดความต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว การแก้ปัญหาไม่ยาก