ระบุกลุ่มชาติพันธุ์ถูกละเมิดสิทธิความเป็นคน 6 ด้าน จี้ถอนรากถอนโคนปัญหาชาติพันธุ์ ปลดแอกมรดกสงครามเย็น ชำระประวัติศาสตร์ ทลายมายาคติทางสังคม ด้าน “พิธา” พรรคก้าวไกลรับข้อเรียกร้อง
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2565 กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘ชาติพันธุ์ปลดแอก’ ในนามคนรุ่นใหม่กลุ่มชาติพันธุ์และนักกิจกรรมทางสังคม ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในงานเปิดนโยบายชาติพันธุ์ก้าวไกล ณ สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมานเหมินทร์ ชู 3 เจตนารมณ์และข้อเรียกร้องแก้ปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคน
ลิขิต พิมานพนา ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอก กล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์ถูกละเมิดสิทธิความเป็นคนอย่างน้อย 6 สิทธิ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในสัญชาติและการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิในการมีส่วนร่วม รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานจากรัฐ คุณภาพชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป็นพลเมืองชั้นสอง มีค่าแค่ในสวนสัตว์มนุษย์ ให้คนเมืองได้รับชมรื่นเริงใจ หาใช่เคารพในความต่างของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง ซึ่งแม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีแนวนโยบาย แต่ก็ยังมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อลกุ่มชาติพันธุ์สอดแทรกอยู่ในกฎหมายและนโยบายต่างๆ
แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการทางนโยบายบางส่วนทั้งภายในและภายนอกประเทศที่กล่าวถึงการคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 มิถุนายน 2553 มติตณะรัฐมนตรีวันที่ 3 สิงหาคม 2553 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 70 และแผนปฏิรูปประเทศด้านสังคม แต่รัฐบาลไทยกลับยังไม่ตระหนักถึงการคืนความเป็นคนแก่กลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง ทุกกฎหมายและนโยบายที่ออกมานั้นล้วนกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะหลังการทำรัฐประหารในปี 2557 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศรุนแรงขึ้นเป็นอย่างมาก
ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกยังกล่าวต่อว่า ขอนำเสนอเจตนารมณ์และข้อเรียกร้องของเราถึงพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ที่แสดงความพยายามในการผลักดันนโยบายด้านชาติพันธุ์เป็นพรรคแรก เพื่อให้รับไว้พิจารณาและทบทวนรายละเอียดบางส่วนสู่การแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์อย่างถอนรากถอนโคนควบคู่ไปกับการสร้างฐานทางนโยบายรองรับ โดยมีเจตนารมณ์ดังนี้
1. กฎหมายเพื่อส่งเสริมศักยภาพ และคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ถือเป็นแนวนโยบายขั้นแรกที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทยโดยเร่งด่วน
2. ต้องปลดแอกมรดกสงครามเย็นออกจากนโยบายและกฎหมายทั้งหมดอาทิ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่านโยบายคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ รวมถึงพระราชบัญญัติสัญชาติ เป็นต้น
3. รัฐไทยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบต่อทุกการกระทำ การผลิตซ้ำมายาคติเชิงลบ ทุกการกดขี่ ทุกโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับกลุ่มชาติพันธุ์อย่างน้อยคือการออกมาขอโทษกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยความจริงใจและสำนึกผิดและการร่วมผลักดันให้เกิดปฏิบัติการตามข้อ 1 และ 2 โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
“เราเห็นว่า ฐานทางนโยบายมีความจำเป็น แต่เรายังยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาชาติพันธุ์นั้นต้องเป็นไปอย่างถอนรากถอนโคน ในนามคนรุ่นใหม่ผู้เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตของกลุ่มชาติพันธุ์ เรายืนยันว่าการปลดแอกชาติพันธุ์ ต้องจบในชาตินี้”
กลุ่มชาติพันธุ์ปลดแอกย้ำ
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้รับหนังสือ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกันเนื้อหาตามหนังสือและข้อเรียกร้องทั้งหมด และรับจะนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป