เดินหน้าบังคับคดีเอกชน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 15 จุด พร้อมเร่งกรมที่ดิน สำรวจแนวเขตแปลง น.ส.3 เลขที่ 11 ภายใน 2 วัน ภาคประชาชน เร่งให้แก้ปัญหาพิสูจน์สิทธิคืนความเป็นธรรมให้ชาวเล
วันพรุ่งนี้ (30 ม.ค. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะจังหวัดสตูล พร้อมคณะจะลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อบังคับคดีในส่วนที่ศาลฎีกาตัดสินคดีแล้ว ทั้งหมด 15 แห่ง เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการบังคับคดีมาก่อนโดยจะสั่งให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งตามขั้นตอนกรมบังคับคดีจะลงไปด้วย ไปแจ้งคำสั่งและกำหนดระยะเวลาให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพบว่า ในส่วนของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะดำเนินการบังคับคดี และแจ้งความดำเนินคดีกรณีตรวจพบการรุกล้ำพื้นที่ และสำหรับกรมที่ดิน ทาง พล.อ.สุรเชษฐ์ ได้เร่งรัดให้กรมที่ดินจัดทำแผนที่แนวเขตในแปลง น.ส.3 เลขที่ 11 ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 วัน เพื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการฯ ดำเนินการเพิกถอนต่อไป
อีกส่วนสำคัญ คือ ให้กรมธนารักษ์ ชี้แนวเขตของโรงเรียน กับ รพ.สต.เกาะหลีเป๊ะ ให้ชัดเจน ซึ่งวันพรุ่งนี้ต้องเอาผลดำเนินการรายงานต่อ พล.อ.สุรเชษฐ์
นอกจากนี้ ยังจะเห็นความชัดเจนจากทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในกรณีที่มีการร้องเรียนว่าเรือผู้ประการบางรายทำลายแนวปะการัง และกระทบอาชีพชาวเล ซึ่งส่วนนี้เป็นประเด็นภายใต้อนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเล เกาะหลีเป๊ะ โดยพรุ่งนี้ช่วงบ่าย นายธนพร ศรียากูล ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จะลงไปพบแกนนำชาวบ้านที่โบสถ์ชุมชนอู่เสน เพื่อหารือการแก้ปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเลด้วย
ภาคประชาชน จ.สตูล จับตาบิ๊กโจ๊ก จี้ แก้ปัญหาให้แล้วเสร็จ ในรัฐบาลชุดนี้
สมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล กล่าวว่า ตามที่บิ๊กโจ๊กย้ำตลอด จะเร่งแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินเกาะหลีเป๊ะ จะทำความจริงให้ปรากฎ และเป็นผู้ที่ได้รับอำนาจเต็มมาจากนายกรัฐมนตรี ตนก็อยากให้เร่งรัดดำเนินการเพื่อพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เสร็จทันในรัฐบาลชุดนี้ เพราะหากทอดเวลาค้างคา อาจถูกมองได้ว่า การแก้ปัญหายังติดขัดและก้าวไม่พ้นอำนาจอิทธิพลและกลุ่มทุน
ทั้งนี้ยังเห็นว่า กรณีที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษายกฟ้อง ชาวเลที่ตกเป็นจำเลย 15 คน ในชุมชนปาดั๊ก หลังโดนเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งอ้างกรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่ง จำนวน 3 ไร่ 1 งาน 59 ตารางวา ในที่ดินแปลงที่เกิดข้อพิพาท น.ส.3 เลขที่ 11 โดยสรุปข้อมูลคำตัดสินในการยกฟ้อง เพราะโจทย์ไม่มีสิทธิในการฟ้อง เนื่องจากเอกสารสิทธิออกโดยมิชอบ และจำเลยได้รับสิทธิที่ดินมรดกสืบทอดจากบรรพบุรุษนั้น นายสมบูรณ์มองว่า เป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่ปกติของที่มาที่ไปในเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าว ที่ชาวเลสื่อสารมาตลอดว่าไม่ปกติตั้งแต่ต้น การมีความเห็นของศาลเช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความไม่ปกติ และบิ๊กโจ๊กต้องนำกุญแจนี้ไขไปสู่การตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน
“ ในเชิงหลักการณ์ ผมว่าบิ๊กโจ๊กต้องไปแกะประวัติศาสตร์ เรื่องที่ดินที่เกาะหลีเป๊ะ นั่นหมายถึงว่า สค.1 ในยุคแรกตั้งแต่ปี 2498 ที่เริ่มออก สค.1 ยุคนั้นมีตัวแทนภาครัฐที่เป็นกำนัน ไปดำเนินการให้ชาวบ้านและก็กลายเป็นผลพวงมาถึงปัจจุบัน ผมว่าต้องย้อนไปถึงประวัติศาสตร์อันนั้น ชาวเลเขาก็ตั้งข้อสังเกตเองว่าเขาก็ถูกริดรอนสิทธิมาตั้งแต่ยุคนั้นด้วย ผมคิดว่าถ่าบิ๊กโจ๊กทำเรื่องนี้ให้ปรากฎ อันนี้จะเป็นกุญแจอันแรก “
สมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายประชาชนติดตามแผนแผนพัฒนา จ.สตูล
สมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าตรงนั้นมีความชัดเจนขึ้น ในส่วนผู้ประกอบการที่มีการซื้อที่ดินไปแล้ว จะตกทอดกี่รุ่นกี่มือก็แล้วแต่ ตนคิดว่าอันนี้คณะทำงานก็ต้องไปแกะรายละเอียด และหาหนทางว่าจะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้ผู้ประกอบการเขาเดือดร้อนด้วย ในส่วนวิธีการจะไปช่วยเหลือเยียวยายังไง ตรงนี้รัฐบาลต้องไปหารือกัน เพราะฉะนั้น สิทธิโดยชอบของชาติพันธุ์ชาวเล ที่เป็นสิทธิดั้งเดิมต้องปรากฎ ในส่วนความเดือดร้อนอื่น ๆ ที่จะตามมา สิทธิของผู้ประกอบการที่ไปถลำซื้อที่ดินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ต้องไปดูกันอีกที เรื่องนี้บิ๊กโจ๊กก็พูดชัด ว่าเขาอยากให้ปรากฎความชัดเจน ตกลงที่ดินที่มีอยู่ในปัจจุบัน มันมีความผิดปกติรึเปล่า ซึ่งตนคิดว่าถือเป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้อง