กทม.เตรียมบังคับใช้ ‘แยกขยะ’ ลดค่าธรรมเนียมได้ ปลายปี 68

ปัญหาขยะล้นเมือง แต่ละวันคน กทม.ผลิตขยะ ที่ต้องนำไปกำจัดประมาณ 9,000 ตันต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กทม.จึงออกข้อบัญญัติฉบับใหม่ ให้ผู้แยกขยะ เสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่าผู้ไม่แยกขยะ คาดบังคับใช้ปลายปี 68

สถานการณ์และปริมาณขยะในกรุงเทพมหานคร

22 ก.พ.2568 วรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ในฐานะตัวแทนกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังบรรยายพิเศษให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู่บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง และสื่อมวลชน ที่มาศึกษาดูงาน ณ โรงงานกำจัดขยะมูลฝอยอ่อนนุช ว่าทุกวันนี้กรุงเทพมหานครมีการจัดเก็บขยะประมาณ 9,000 ตันต่อวัน โดยจะมีศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย 3 แห่ง ที่อ่อนนุช หนองแขมและสายใหม ตั้งแต่ปี 2528 -2562 แนวโน้มขยะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง แล้วมาลดลง ในช่วงโควิด 19 ในปี พ.ศ. 2562-2564 จากนั้น 2565-2567 ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นอีก อย่างในปีงบประมาณ 2567 มีปริมาณมูลฝอยเฉลีย 9,238 ตัน/วัน

หากองค์ประกอบของขยะส่วนใหญ่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์คือขยะจากเศษอาหาร กิ่งไม้ใบไม้ ถ้าประชาชนสามารถแยกขยะเศษอาหารได้ เชื่อว่าจะสามารถจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมีการจัดการขยะ ต้นทาง เน้นการควบคุมขยะมูลฝอยที่แหล่งกำหนดคัดแยกและใช้ประโยชน์จากการกำจัดขยะต้นทาง ระหว่างกลางทางใช้การจัดเก็บขยะตามเวลาที่กำหนด ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ไม่มีขยะตกค้าง และปลายทางจำกัดขยะอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การกำจัดขยะมูลฝอย 2568

สำหรับศูนย์ขยะอ่อนนุช มีสัดสวนขยะ 42 เปอร์เซ็นต์ ศูนย์หนองแขม 39 เปอร์เซ็นต์ และศูนย์สายไหม 19 เปอร์เซ็นต์ การกำจัดมีทั้งหมักทำปุ๋ย เข้าเตาเผา และฝังกลบ ขณะที่ ปี 2570 มีเป้าหมาย ต้องลดขยะให้ได้อีก คาดว่าจากที่เคยมีขยะ 9 พันตันต่อวัน จะต้องลดให้เหลือ 8 พันตันต่อวันเป็นอย่างน้อย

โดยมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการมูลฝอยของ กทม. และค่าธรรมเนียมฯ ที่จัดเก็บได้ ปีงบประมาณ 2566
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการมูลฝอย 7,630 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจัดเก็บค่าธรรมเนียมได้ 540 ล้านบาทต่อปี หรือ 7.21 %

กรุงเทพมหานครได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

ก่อนหน้านี้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นไปที่การจัดการขยะอย่างยั่งยืน 2 นโยบายหลัก ได้แก่ มุ่งเน้นการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เน้นให้ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ร่วมมือกันแยกขยะตั้งแต่แหล่งกำเนิด เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด และเพิ่มปริมาณขยะรีไซเคิล โดยเฉพาะการมุ่งเน้นขยะเปียกจากองค์กรต่าง ๆ เพื่อนำไปผลิตเป็นปุ๋ยหมัก และนโยบายสร้างต้นแบบการแยกขยะ เป็นการสร้างต้นแบบการแยกขยะในระดับเขต เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและส่งเสริมให้ประชาชนคนอื่น ๆ ได้ปฏิบัติตาม ซึ่งที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการกับแหล่งกำเนิดมูลฝอยโดยเฉพาะแหล่งกำเนิดขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น สถานประกอบการต่าง ๆ โดยการขอความร่วมมือ แต่การขอความร่วมมือเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงได้มีการออกข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการยกระดับจากมาตรการขอความร่วมมือ มาเป็นการบูรณาการมาตรการทางเศรษฐศาสตร์และมาตรการทางกฎหมาย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แหล่งกำเนิดมูลฝอยโดยเฉพาะแหล่งกำเนิดมูลฝอยขนาดเล็ก เช่น บ้านพักอาศัย หมู่บ้านจัดสรร อาคารชุดพักอาศัย ชุมชน มีส่วนร่วมในการแยกขยะมากยิ่งขึ้น
“ข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่นี้ จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการแยกขยะ และมีส่วนร่วมในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะ โดยผู้ที่แยกขยะจะเสียค่าธรรมเนียมน้อยกว่าผู้ที่ไม่แยกขยะ

กรุงเทพมหานคร ได้ปรับปรุงข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครว่าด้วยค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมมือลดและคัดแยกมูลฝอยที่แหล่งกำเนิดอย่างจริงจัง และปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาวการณ์และภาระค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน

โดยสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. … เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 และข้อบัญญัติฯ นี้จะมีผลบังคับใช้ภายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเษก 180 วัน ประมาณปลายปี พ.ศ. 2568

การจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมฯ (ฉบับใหม่) นี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้


กลุ่มที่ 1 บ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม หากไม่คัดแยกขยะจะจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 30 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 30 บาท) หากคัดแยกขยะและลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ที่กรุงเทพมหานครกำหนด จะจ่ายค่าธรรมเนียมเดือนละ 20 บาท (ค่าเก็บและขนเดือนละ 10 บาท ค่ากำจัดเดือนละ 10 บาท)

กลุ่มที่ 2 ปริมาณขยะเกิน 20 ลิตรต่อวัน แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเกิน 4 กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน จ่ายค่าธรรมเนียม 120 บาทต่อ 20 ลิตร (ค่าเก็บและขน 60 บาทต่อ 20 ลิตร ค่ากำจัด 60 บาทต่อ 20 ลิตร) และ

กลุ่มที่ 3 ปริมาณขยะเกิน 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวันขึ้นไป หรือเกิน 1,000 ลิตร หรือเกิน 200 กิโลกรัมต่อวัน) จ่ายค่าธรรมเนียม 8,000 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร (ค่าเก็บและขน 3,250 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร ค่ากำจัด 4,750 บาทต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร)

ซึ่งกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เมื่อมีการคัดแยกและนำขยะไปใช้ประโยชน์ จะส่งผลให้ปริมาณขยะที่ทิ้งให้กรุงเทพมหานครนำไปกำจัดลดลง อัตราค่าธรรมเนียมฯ ในการจัดการขยะก็จะลดลงตามไปด้วย

หากประชาชนแยกขยะ ลดค่าธรรมเนียมต้องทำอะไรบ้าง

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมระบบรองรับการรับชำระค่าธรรมเนียมหลังจากที่ประชาชนคัดแยกขยะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการตรวจสอบและชำระค่าธรรมเนียมมูลฝอย รวมถึงเข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม: ลดขยะลดค่าธรรมเนียม” การลงทะเบียนจะแบ่งเป็น 2 รูปแบบตามประเภทของแหล่งกำเนิด คือ


การลงทะเบียนแบบเดี่ยว สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน หรือไม่เกิน 4 กิโลกรัม ผู้ที่ลงทะเบียนในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย บ้านพักอาศัย หมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม/แฟลต ที่ไม่มีนิติบุคคล โดยเจ้าของบ้านหรือผู้เช่าที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนด้วยตนเองทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ BKK Waste Pay กรณีไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือลงทะเบียนที่สำนักงานเขตที่บ้านเรือนตั้งอยู่ เริ่มลงทะเบียนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และระบบจะแจ้งเตือนให้ส่งภาพหลักฐานการคัดแยกขยะตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ สิ่งที่ต้องใช้ในการลงทะเบียน ประกอบด้วย รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก ชื่อ-สุกล เบอร์โทรศัพท์ และภาพถ่ายการคัดแยกขยะ (ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย ขยะทั่วไป) บ้านเรือนที่ลงทะเบียนจะได้รับถุงใส่ขยะเศษอาหารสำหรับ 1 ปีแรก ทั้งนี้ ระบบจะมีการสุ่มตรวจการคัดแยกขยะทุก ๆ 3 เดือน

การลงทะเบียนแบบกลุ่ม สำหรับหมู่บ้านจัดสรร อาคารชุดพักอาศัย ที่มีนิติบุคคล และชุมชนตามระเบียบ กทม. ที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวันต่อหลังหรือต่อห้อง กลุ่มนี้จะเริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมอัตราใหม่เมื่อข้อบัญญัติมีผลบังคับใช้ โดยสำนักงานเขตพื้นที่จะเชิญนิติบุคคลมาประชุมเพื่อแจ้งรายละเอียดและแนวทางการจัดที่พักรวมมูลฝอยที่คัดแยก 4 ประเภท รวมถึงขั้นตอนและวิธีการลงทะเบียน หลักฐานที่ต้องแนบ เช่น รายงานการประชุมลูกบ้านที่มีมติ รหัสประจำบ้าน (House ID) 11 หลัก และหลักฐานการใช้ประโยชน์ขยะ


ขยะแยกแล้วไปไหน มั่นใจประชาชนแยกแล้ว กทม. ไม่เก็บรวม

กรุงเทพมหานคร ได้จัดระบบรองรับขยะที่ประชาชนคัดแยก ประกอบด้วย

ขยะเศษอาหาร ให้เทน้ำทิ้งกรองเฉพาะเศษอาหาร นำไปใช้ประโยชน์ ทำน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมัก หรือเป็นอาหารสัตว์ หรือใส่ถุงสีเขียวมัดปากถุงให้แน่นทิ้งในถังสีเขียวหรือจุดทิ้งที่เขตกำหนด เพื่อรอสำนักงานเขตเข้าไปจัดเก็บตามรอบเวลา


ขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก ขวดน้ำ ขวดแก้ว ฯลฯ สามารถนำไปขายหรือแยกทิ้งให้กับสำนักงานเขต โดยฝากไปกับรถขยะของกรุงเทพมหานครที่วิ่งเก็บขยะตามเส้นทางซึ่งรถทุกคันจะมีช่องทิ้งขยะรีไซเคิล หรือทิ้งในการจัดกิจกรรมเก็บขยะชิ้นใหญ่ทุกวันอาทิตย์ จัดตลาดนัดรีไซเคิลในชุมชน นอกจากนี้ ได้ประสานกับแอปพลิเคชันรับซื้อหรือรับบริจาคขยะ มารับขยะถึงหน้าบ้าน หรือสามารถขายให้กับร้านหรือรถรับซื้อของเก่า


ขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ กระป๋องแก๊ส/กระป๋องสเปรย์ และยาหมดอายุ เป็นต้น รวบรวมใส่ถุงใสหรือถุงที่มองเห็นขยะด้านใน หรือเขียนข้อความติดที่ป้าย นำไปทิ้งในจุดทิ้งขยะอันตราย (ถังสีส้ม) ในชุมชน หมู่บ้าน สำนักงานเขต หรือฝากไปกับรถขยะของกรุงเทพมหานครที่วิ่งเก็บขยะตามเส้นทางซึ่งรถทุกคันจะมีช่องทิ้งขยะอันตราย หรือทิ้งในการจัดกิจกรรมเก็บขยะชิ้นใหญ่ทุกวันอาทิตย์


ขยะทั่วไป เช่น ซองขนม เศษผ้า แก้วกาแฟ ถุงแกง กล่องโฟม ถุงพลาสติก ฯลฯ ให้รวบรวมใส่ถุงใสหรือถุงที่มองเห็น มัดปากถุง ทิ้งลงถังขยะทั่วไปสีน้ำเงิน ในชุมชน/หมู่บ้าน รอการจัดเก็บตามที่สำนักงานเขตกำหนด

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active