พีมูฟ ย้ำ กม.ชาติพันธุ์ วัดใจ ‘เพื่อไทย’ หากคว่ำหมวด ‘พื้นที่คุ้มครองฯ’ เท่ากับหักหลังประชาชน

ชูความสำคัญผลักดันให้มี ‘พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์’ ต้องยกเว้นหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่สร้างผลกระทบต่อประชาชน ยืนยัน ไม่ใช่เขียนกฎหมายเพื่ออภิสิทธิ์ชน หวังเพียงสร้างความเสมอภาค เท่าเทียม คืนสิทธิความเป็นคน

วันนี้ (4 ก.พ. 68) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย รวมถึงเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ออกแถลงการณ์ สืบเนื่องจากสภาผู้แทนราษฎร มีนัดหมายประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพุธ ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีวาระ “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …” โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้วเสร็จ โดยจะเริ่มพิจารณาจากหมวดที่ 5 มาตรา 27 ว่าด้วยเรื่อง พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ นั้น

แถลงการณ์ได้ย้ำความสำคัญของการผลักดันให้มีพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ต้องยกเว้นหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่สร้างผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ อาทิ กฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ, กฎหมายว่าด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า, กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธุ์ ต้องอยู่ในที่ดินของรัฐอย่างผิดกฎหมาย แม้อยู่อาศัยและทำกินมาแต่เดิม แต่กลับถูกเขตที่ดินของรัฐประกาศทับแล้วแย่งสิทธิไป ทำให้พี่น้องต้องถูกจับกุม ดำเนินคดี ไล่ที่ ตัดฟันพืชผลอาสิน ยึดที่ดินทำกิน จนไปถึงการสังหารนักปกป้องสิทธิในที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์

“การเขียนกฎหมายของคณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ที่ยืนยันให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ของกฎหมายมรดกเผด็จการอำนาจนิยมที่กระทำต่อพี่น้องเรานั้น คือความชอบธรรมที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรร่วมกันสนับสนุน สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 70 เป็นการสร้างความเสมอภาคเท่าเทียม และเราขอยืนยันว่า นี่ไม่ใช่การเขียนกฎหมายเพื่ออภิสิทธิ์ชน แต่คือการคืนสิทธิความเป็นคนให้กลุ่มประชาชนที่ถูกรัฐไทยกดขี่จนไม่มีที่ยืนในสังคมไทย”

แถลงการณ์ ยังย้ำด้วยว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายในหมวดนี้กำลังถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย คัดค้าน และพยายามบิดเบือนว่าการประกาศพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์เป็นการให้สิทธิพิเศษ กล่าวหาว่าเป็นการเขียนกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้อภิสิทธิ์ชนปล้นทรัพยากรชาติ จนอาจนำไปสู่เหตุแห่งการคว่ำกฎหมายในวันพรุ่งนี้ (5 ก.พ. 68) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ได้อภิปรายคัดค้านกฎหมายนี้ กำลังสร้างตราบาปต่อประชาชน และผลิตซ้ำอคติทางชาติพันธุ์ให้ดำเนินต่อไปในระบบรัฐราชการไทย และคนในสังคม ถือเป็นการกระทำที่ดูหมิ่น เหยียดหยาม ไร้ซึ่งสามัญสำนึก และไร้ซึ่งเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

“กฎหมายฉบับนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เห็นถึงความเดือดร้อนและพร้อมจะแก้ปัญหากลุ่มชาติพันธุ์หรือไม่ หรือจะยังคงรวมหัวกับกลุ่มอิทธิพล ผู้กอบโกยผลประโยชน์ และหน่วยงานราชการไทยปล้นสิทธิของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ยิ่งกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา และหากพรุ่งนี้มีการคว่ำกฎหมายในหมวดว่าด้วยพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เท่ากับหักหลังประชาชน ท่านจะต้องเผชิญกับการตรวจสอบ ทัดทาน คัดค้าน และสั่งสอนจากประชาชนในวิถีการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยจนถึงที่สุด

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active