‘ภาคประชาชน’ มองทางไปต่อ ‘แก้รัฐธรรมนูญ’ หวัง นักการเมือง กล้าทำหน้าที่ของตัวเอง

‘มายด์ – ภัสราวลี’ ย้ำ แก้รัฐธรรมนูญ นโยบายธงรัฐบาล แต่ผ่าน 2 ปี มีแต่เตะถ่วง แนะ นายกฯ เร่งคุยพรรคร่วม ปรับ ครม.ใหม่ ดึงคนไม่เห็นด้วยออก ให้สภาฯ เดินหน้าต่อ ยังแอบหวังได้รัฐธรรมนูญ ที่ปกป้องสิทธิ์ประชาชนอย่างแท้จริง

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ รายการ Policy watch จับตา อนาคตประเทศไทย ถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เกิดเหตุการณ์สภาล่มก่อนหน้านี้ ว่า เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงฟังไม่ขึ้น แถมยังทำประเทศไทยเสียโอกาสเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน อย่างน้อยเรื่อง สสร. ก็ถือเป็นครั้งแรกที่จะได้เริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจัง

มายด์ – ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ให้สัมภาษณ์ รายการ Policy watch จับตา อนาคตประเทศไทย

พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับเพื่อไทย นั้นมีเงื่อนไขการเลือกตั้ง สสร. ที่แตกต่างจากของ พรรคประชาชน ให้มี สสร. ที่มาจากเขตพื้นที่ 100% ก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากการหนุนบ้านใหญ่เข้าสภาฯ ให้มากกว่าเดิม คราวนี้ก็คงไม่ต้องสืบว่า อนาคตรัฐธรรมนูญไทย ใครจะได้ประโยชน์

“ทางรอดของภาคประชาชนตอนนี้มีเพียงแค่ ส่งใจให้นักการเมืองกล้าสู้ที่จะอภิปราย ถกเถียง เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญกันใหม่ หรือมิเช่นนั้นประชาชนก็ต้องลงแรงล่ารายชื่อกันกว่า 50,000 รายชื่อ เพื่อยืนยันว่า เรายังอยากได้ รัฐธรรมนูญที่มาจากการร่างใหม่ โดย สสร.ที่มาจากประชาชน 100%”

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล

‘แก้รัฐธรรมนูญ’ เร่งด่วน แบบใด อยู่ลำดับที่เท่าไร…ของนโยบายเรือธง ?

ภัสราวลี ยังบอกอีกว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะมีคำแถลงก่อนหน้านี้ว่า การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ การทำประชามติ รัฐบาลก็จะเดินหน้า แต่ผ่านมา 2 ปีแล้ว ที่เสียเวลาไปกับการเดินหน้าศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามจะอ้างเรื่อง พ.ร.บ.ประชามติ พยายามที่จะไปแก้กันก่อน แต่จริง ๆ แล้ว ตลอดกระบวนการที่มันเกิดขึ้น 2 ปี ทำให้เห็นชัดว่า ครม. มีความจงใจที่จะเตะถ่วงกระบวนการเดินหน้ารัฐธรรมนูญ หากเร่งจริง ๆ สามารถทำให้สั้นกว่านี้ได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้เรื่องของ พ.ร.บ.ประชามติ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ควรเร่งแก้ ม.256 ได้ทันที มีเวลาให้ได้พูดคุยถกเถียงกันได้แล้วว่า จะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง ขณะที่ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และศาลก็บอกว่า ได้ตอบไปก่อนหน้าชัดเจนแล้วว่า “ให้เป็นอำนาจของรัฐสภาในการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ทางประธานสภาฯ ก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่บรรจุ ม.256 เข้าไปสักที”

“นัดแรกที่คุย คือ 13 – 14 ม.ค.แต่ สว.ขอไปศึกษา 1 เดือน เลื่อนเป็น 13 – 14 ก.พ. ทางพรรคเพื่อไทย และ สว. มีเวลาหาความมั่นใจ ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตั้ง 1 เดือน แต่ทำไมถึงเพิ่งมายืนยันว่า ต้องส่งตีความ แสดงให้เห็นว่า เขาใช้เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้าง เพื่อที่จะไม่ต้องเดินหน้าในสภาฯ หรือเปล่า ? เพราะหากเดินหน้าไป นักการเมืองบางส่วน อาจจะกังวลการร่างใหม่ว่าจะพูดถึงได้แค่ไหน ถ้าอำนาจไม่อยู่ที่สภาก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่ใครให้ความมั่นใจ กับนักการเมืองเหมือนกัน”

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล  

‘นิติบัญญัติ’ กังวล ‘ตุลาการ’ มากเกินไป ?

ภัสราวลี ยังมองเพิ่มเติมว่า เวลานี้ฝ่ายนิติบัญญัติกังวลฝ่ายตุลาการมากจนเกินไป ทั้งที่อำนาจในการออกกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ได้รับอำนาจมาจากประชาชนโดยตรงแล้ว ควรจะมีอำนาจในการออกกฎหมาย  

ส่วนของศาลรัฐธรรมนูญ ในจุดประสงค์เป้าเริ่มต้นที่จะต้องเกิดขึ้นมา เพื่อเป็นคนคอย พิทักษ์สิทธิ์ รักษารัฐธรรมนูญให้ยังคงรักษาสิทธิ์ให้พี่น้องประชาชนได้ คือ เกิดขึ้นแล้ว ศาลก็สามารถตีความวินิจฉัยได้ แต่ว่าสิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้น จึงควรเป็นอำนาจของรัฐสภาในการเดินหน้าแก้ไขกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะวนกลับมาแบบเดิมที่ว่ารัฐสภาต้องการแก้ แต่กลัวศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยใหม่ สุดท้ายศาล รัฐธรรมนูญไม่ได้เลือกมา = มีอำนาจในการแก้ไขกฎหมาย ?

ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ทันเลือกตั้ง อะไรจะเกิดขึ้น ?

ระบบการเลือกตั้งก็ยังเหมือนเดิม สิทธิ์หลายอย่างในรัฐธรรมนูญที่ถูกติดล็อก ก็ยังเหมือนเดิม เหตุการณ์สภาล่ม วันที่ 13 – 14 ก.พ. ที่ผ่านมานี้ ยิ่งมั่นใจว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทัน และดูเหมือนว่านักการเมืองส่วนใหญ่ก็ไม่อยากทำให้ทันด้วย 

หลัก ๆ ก็คือ ระบบการเลือก สว. เป็นคนเลือก องค์กรอิสระ หรือ แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญเอง จะเห็นว่าส่วนการให้อำนาจหลักในรัฐธรรมนูญ เอื้ออำนาจหลักให้ สว.มากเกินจำเป็น 

“ประชาชนไม่ได้เลือก สว. แต่ชี้ชะตาว่า เราจะแก้ไขอะไรได้บ้าง สมมติอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวดสิทธิเสรีภาพ ติดล็อก สว. หรือเรื่องการคุ้มครองสิทธิชุมชน ติดล็อก สว. ว่าจะอนุญาตให้ทำไหม พูดง่าย ๆ ก็คือ หากเราไม่เดินหน้า แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับพวกเรากันเอง เราจะไม่มีทางแก้ปัญหาอะไรในประเทศนี้ได้เลย แบบถึงรากถึงโคนจริง ๆ” 

“นอกจากนั้นยังมองว่า กฎหมายบางฉบับที่นักการเมืองแก้ในสภาฯ ไกล่เกลี่ยกันแบบพอจะไกล่เกลี่ยได้ และคลอดกฎหมายบางอย่างออกมาเท่าที่เขาพอจะรับได้แค่นั้น แต่ไม่ได้เป็นการออกกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิ์ของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะโครงกฎหมายใหญ่นี้ไม่ได้ประกันสิทธิ์ของพวกเราไว้ตั้งแต่ต้น” 

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล  

ประชาชนผลักดันอะไรได้บ้าง ? ทำให้ฝัน รัฐธรรมนูญเป็นจริง

ภัสราวลี บอกด้วยว่า ก่อนการเลือกตั้งรอบหน้าญัตติยังอยู่ครบไม่ได้ตก หากองค์ประชุมครบ สส.เข้าประชุม การพิจารณาก็จะเดินหน้าอภิปรายต่อได้ หาก สว.ตีตกในสมัยประชุมนี้ สมัยหน้า สส.ก็ยังเสนอได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่กังวล คือ นักการเมืองในสภาฯ จะจริงจังผลักดันเรื่องนี้อีกครั้งหรือไม่ และกังวลว่าจะไปขัดกับศาลรัฐธรรมนูญอีกไหม เพราะหากอ้างคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญอีกก็ฟังไม่ขึ้น 

เพราะความเห็นนักวิชาการ นักกฎหมาย หลายคนรวมถึง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ คนร่างรัฐธรรมนูญคนแรกของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาให้อธิบายว่า คำวินิจฉัย “ไม่ได้ให้ทำประชามติ 3 ครั้ง” ทำแค่ก่อนและหลังก็พอ… 

“หากยังอ้างเหตุผลนี้ต่อไปเรื่อย ๆ
นั่นหมายความว่า เขาไม่อยากแก้”

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล  

นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยังมองว่า เวลานี้ต้องอาศัยเพียงความกล้าหาญของนักการเมืองเพียงอย่างเดียว และประเมินว่า ไปไกลสุดอย่างน้อยควรได้แก้ไข ม. 256 ได้ตั้งรูปแบบกระบวนการเลือก สสร. ขึ้นมาให้ประชาชนได้รู้ว่า ในอนาคตเขาได้เลือกตั้ง สสร. จะได้เตรียมตัวเพื่อให้เข้าใจ สสร. เป็นอย่างไร กระบวนการเลือกเป็นแบบไหน และหากต้องการเป็น สสร. จะต้องทำอย่างไร 

เบื้องต้นยังเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้ รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องคุยกับพรรครัฐบาลให้เข้าใจ นายกรัฐมนตรี ควรปรับ ครม.ใหม่ เพื่อเอาคนที่ไม่เห็นด้วยออก ทำให้สัดส่วนรัฐสภา เดินหน้าต่อไปได้ 

“ท้ายที่สุดถ้าสภาฯ ยังไม่กล้าหาญพอ ก็คงต้องเป็นภาคประชาชนที่ต้องผลักดัน ล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อเข้าสภาฯ อีกครั้งเพื่อให้ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นฉบับของประชาชนอย่างแท้จริง”

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล  

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active