กำหนดมาตรฐานจริยธรรม ไม่ละเมิดสิทธิ วางกรอบคุมความเสี่ยง การกำกับใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ หนุนการพัฒนาแต่ไม่ทิ้งความปลอดภัยของประชาชน
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่างหลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฉบับแรกของประเทศไทย โดยมุ่งวางกรอบกำกับดูแลการใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาล ปลอดภัยต่อสังคม และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน
ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีเอส ระบุว่า AI เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการบริการภาครัฐ แต่ต้องวางกรอบกำกับดูแลเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสังคม ทั้งนี้ ประเทศไทยเตรียมหารือเรื่อง AI Governance ในเวทีระดับโลก The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่จะจัดในไทยในเดือนมิถุนายนนี้
ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาอาวุโส ETDA เสริมว่า ปัจจุบันไทยยังใช้ Soft Law หรือแนวทางปฏิบัติในการดูแล AI ซึ่งเริ่มไม่เพียงพอรองรับความซับซ้อนของเทคโนโลยี จำเป็นต้องมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อรับมือความเสี่ยง ทั้งด้านความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก AI

ประเด็นสำคัญของร่างกฎหมาย AI
ร่างกฎหมายฉบับนี้วางแนวทางครอบคลุมหลายมิติ เช่น การกำหนดกลุ่ม AI ที่มีความเสี่ยงสูง (High-Risk AI) ซึ่งอาจกระทบสิทธิและความปลอดภัยของประชาชน โดยกำหนดให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งให้หน่วยงานกำกับดูแลแต่ละภาคส่วนมีบทบาทร่วมกำหนดรายละเอียดตามลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม
ร่างกฎหมายยังมีเป้าหมายสำคัญเพื่อวางกรอบการพัฒนาและการใช้งาน AI อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ โดยแบ่งระดับความเสี่ยงของ AI ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มความเสี่ยงต้องห้าม ซึ่งหากกำหนดออกมาแล้วจะไม่อนุญาตให้มีการใช้งาน และ กลุ่มความเสี่ยงสูง ที่ผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเข้มงวด เช่น การบริหารความเสี่ยง การมีตัวแทนทางกฎหมายในไทย การรายงานเหตุการณ์ผิดปกติ และการรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจาก AI
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังวางหลักการพื้นฐานเพื่อให้ระบบกฎหมายมอง AI ในฐานะเครื่องมือของมนุษย์ ไม่ใช่ตัวตนที่มีสิทธิโดยอัตโนมัติ รวมถึงกำหนดให้มีสิทธิขั้นพื้นฐานแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของ AI เช่น สิทธิในการรับแจ้งเหตุผลของการตัดสินใจ และสิทธิในการโต้แย้งการตัดสินดังกล่าว อีกทั้งยังมีมาตรการดูแลการสร้างเนื้อหาโดย AI เช่น การควบคุม Deepfake การป้องกันการนำ AI ไปใช้สร้างข้อมูลลวงหรือสื่ออนาจารที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการพัฒนา AI อย่างสมดุล ร่างกฎหมายยังออกแบบมาตรการสนับสนุน เช่น การยกเว้นลิขสิทธิ์บางส่วนสำหรับงาน Text and Data Mining การจัดตั้ง Sandbox เพื่อทดลองนวัตกรรมใหม่ภายใต้การควบคุม และการสนับสนุนทางเทคนิคจากศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) เพื่อช่วยภาครัฐและเอกชนขับเคลื่อน AI อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้หลักจริยธรรมและความปลอดภัยของสังคมในระยะยาว
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายยังเสนอแนวทางส่งเสริมการพัฒนา AI เช่น การยกเว้นลิขสิทธิ์ข้อมูลบางกรณีเพื่อพัฒนา AI (Text and Data Mining) การจัดตั้งสนามทดสอบ (Sandbox) รวมถึงให้สิทธิผู้ได้รับผลกระทบจาก AI เช่น สิทธิได้รับแจ้งผลการตัดสินใจ สิทธิได้รับคำอธิบาย และสิทธิในการโต้แย้ง
ส่วนของการควบคุม Generative AI ร่างกฎหมายนี้เสนอให้เพิ่มบทลงโทษทางอาญาสำหรับการสร้างสื่อลามกหรือเนื้อหาปลอมที่อาจส่งผลกระทบทางสังคม หรือกระบวนการเลือกตั้ง พร้อมทั้งวางกลไกการบังคับใช้กฎหมายและกำกับดูแลเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้นอย่างชัดเจน
ที่ปรึกษาอาวุโส ETDA เน้นย้ำว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มุ่งควบคุมหรือสกัดกั้นนวัตกรรม แต่ต้องการสร้าง “สมดุล” ระหว่างการใช้ AI เพื่อประโยชน์ของสังคม กับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย และศักดิ์ศรีของประชาชนในยุคดิจิทัล ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร่วมส่งความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านระบบกลางทางกฎหมายของภาครัฐ ถึงวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ที่ http://bit.ly/4kBjBTU