ด้านผู้ว่าฯ ในฐานะประธานคณะทำงานฯ รับลูกทำทันที ลั่นอะไรที่เป็นสิทธิตามกฎหมายประชาชนต้องได้รับ อะไรต้องพิสูจน์ก็เดินหน้า ขณะที่ชาวไทดำหวังเห็นผลงานแก้ปัญหาเรื้อรัง คืนสิทธิชุมชนแล้วเสร็จในรัฐบาลนี้
วานนี้ (15 พ.ย.68) ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ซึ่งมี จุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมติดตามลงพื้นที่ชุมชนไทดำ บ้านทับชัน ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังและติดตามสภาพปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ประกอบการพิจารณาเพี่อแก้ปัญหาข้อร้องเรียน กรณีประกาศที่ นสล.ทุ่งปากขอผิดตำแหน่ง ทับชุมชนไทดำ





จันทรัตน์ รู้พันธุ์ ตัวแทนชาวไทดำ บ้านทับชัน ย้ำว่า ชาวไทดำตั้งรกรากในพื้นที่มายาวนานเกือบ 70 ปี นับตั้งแต่เกิดปัญหาข้อพิพาท การประกาศที่นสล.ทุ่งปากขอผิดตำแหน่งทับชุมชนไทดำ มีการสอบสวนหรือตรวจสอบหาข้อเท็จจริงตั้งแต่ปี2563 ซึ่งขณะนั้น เรียกว่าคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง โดยยังไม่มีคำว่าที่อยู่ในความรับผิดของกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้นมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการแก้ปัญหา ได้มีการดำเนินการสอบสวนอย่างเข้มข้น โดยแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดในการสอบสวนประเด็นสำคัญ 3 ประเด็น
- พื้นที่แนวข้อพิพาท เป็นที่สาธารณะประโยชน์หรือไม่
- ออกตรงตำแหน่งหรือไม่
- เนื้อที่ปัจจุบันมีสภาพเป็นอย่างไร
ประเด็นแรก ได้ข้อยุติภายหลังคณะกรรมการฯ คณะทำงานระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ลงพื้นที่ชุมชนไทดำ เมื่อวันที่ 24,25 มีนาคม 2565 ว่า เป็นที่สาธารณะประโยชน์บางส่วน แต่ไม่ครอบคลุมถึงชุมชนไทดำ และไม่สามารถระบุเนื้อที่ว่าเป็นเท่าใด
ประเด็นที่ 2 ออกตรงตามตำแหน่งหรือไม่ พบว่า ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ยืนยันตรงกันจากการสอบสวน ว่าบริเวณในทุ่งนี้ไม่เคยเป็นหมู่ 1 ท่าเรือ ดังนั้น ประเด็นว่าออกตรงตามตำแหน่งหรือไม่ จึงปรากฏชัดว่า “ไม่ตรงตำแหน่ง” เพราะว่าในทุ่งแห่งนี้ไม่เคยเป็นหมู่ 1 ท่าเรือ
ส่วนข้อเสนอแนะท้องที่ท้องถิ่น อำเภอ อบต.ไม่ขัดที่จะเดินหน้าในการแก้ไขปัญหา แต่ขอให้มีที่สาธารณะเหลืออยู่บ้างหากมีการแก้ไข ขอให้ราษฎรกลุ่มอื่นได้รับการแก้ไขด้วย ซึ่งจากการสอบสวนก็ไม่ได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด เป็นไปในทางทิศเดียวกัน
ในการประชุมแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการในระดับจังหวัดก็ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเห็นว่าการสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอนและใช้ระเบียบของมหาดไทยทั้งหมด จึงเห็นชอบตามผลการสอบสวนและเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดแนะนำในการรังวัดแก้ไขออก ดังนี้ 1.บริเวณที่เป็นที่คาดเคลื่อนหรือผิดตำแหน่งให้รังวัดกันออกมา และ 2.ตรงไหนที่ยังใช้ร่วมกันก็กำหนดเขตให้ชัด
“เมื่อได้ข้อยุติแล้ว จึงส่งไปที่กระทรวงมหาดไทย วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ในการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์ที่เอกชนปล่อยทิ้งร้าง โดยที่ประชุมมีมติทราบผลสอบสวนเป็นที่ยุติ จึงกำหนดมาตรการแก้ไขเรื่องนี้ ตามระเบียบกรมที่ดิน ปี 2529 ซึ่งสิ่งสำคัญ คือต้องได้รูปแผนที่ตำแหน่ง เมื่อการสอบสวนยุติแล้ว แนวเขตชัดเจน ก็เข้าแผนดำเนินการออกโฉนดต่อไป ต่อเนื่องมาคณะอนุกรรมการชุดต่างๆจนถึงปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่6 ก็สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ อยู่ในกรณีสั่งการได้ภายใต้กระทรวงมหาดไทย หมายความว่าจบแล้วสั่งการได้ ก็รอท่านผู้ว่าราชการจังหวัด จะดำเนินการตามระเบียบปี 2529” จันทรัตน์ กล่าว
มท.2 สั่งผู้ว่าฯ เร่งแก้ปม นสล. ทับชุมชน ลั่นต้องจบใน 4 เดือน
ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องสำคัญที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน ตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา โดยกำลังเดินหน้าแก้ไขก็สะดุดมีปัญหาก่อน จึงยังติดใจ พอได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง และนายกฯมอบหมายให้ตนเป็นประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหานี้ จึงต้องมาทันที ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้
ส่วนประเด็นนี้ มองว่า อาจจะเป็นประเด็นที่คนใดคนหนึ่งสรุปไม่ได้ ต้องรับฟังความคิดเห็นหลายฝ่าย เพราะมีทั้งกฎหมาย มีทั้งระเบียบ การลงพื้นครั้งนี้ เพื่อที่จะรวบรวมหลักฐานทั้งสองส่วน ทั้งส่วนราชการ ส่วนภาคประชาชน และจากที่ได้ฟังภาคประชาชนก็ได้ให้ความเห็นส่วนหนึ่ง แต่ก็เห็นว่ายังไม่เป็นข้อยุติ เช่นมีความเห็นว่าเหมือนเป็นที่ยอมรับกันแล้ว แต่ภาคราชการมีการประชุมบอกว่าที่ดินดังกล่าวโดยภาพรวมถือว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ แต่ไม่ครอบคลุมถึงที่ดินราษฎรที่ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ริมแม่น้ำตาปี
“ผมก็จะตั้งท่านผู้ว่าฯ บอกท่านเรื่องนี้ภายใน 4 เดือนต้องดำเนินการให้เห็นเป็นมรรคเป็นผล เห็นทิศทางการแก้ไขปัญหาว่า ถ้าเราจะเดินไป ถ้าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของประชาชน ซึ่งสามารถออกเอกสารสิทธิได้ อันนี้ผมก็ยินดี เพราะวันนี้ผมก็เร่งรัดกรมที่ดินว่า ความต้องการของประชาชนวันนี้ อยากได้กรรมสิทธิ เราก็เร่งรัดการออกเดินสำรวจทั่วประเทศ“ ทรงศักดิ์ กล่าว

จุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รับปากว่า เมื่อได้รับโจทย์จากทางรัฐมนตรีแล้ว สัญญากับพ่อแม่พี่น้องชาวไทดำ ว่า 4-6 เดือน ก็จะทำทันทีทำให้เสร็จ
“อะไรที่ท่านควรได้ตามกฏหมายท่านควรได้ อะไรที่ต้องพิสูจน์ ก็มาพิสูจน์กัน สุดท้ายอยู่ที่ข้อเท็จจริงและกฎหมาย ต้องยินดีล่วงหน้ากับคนที่ต้องได้ มีปัญหาอะไรในฐานะผมเป็นผู้ว่าฯ ยินดีน้อมรับมาแก้ไขปัญหาให้ท่าน ขอให้คิดว่าผมเป็นพี่เป็นน้องของท่านแล้วกัน” จุมพฏ กล่าว
อำนาจ แคนคุ้ม ตัวแทนชาวไทดำ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีช่วยฯลงมาพื้นที่ครั้งนี้ เหมือนเป็นความต้องการแก้ไขปัญหาจริงๆ มาขอดูสภาพพื้นที่จริงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ก็พอมีความหวังมากขึ้น ประกอบกับผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ได้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ ในส่วนข้อมูลที่ผ่านมาที่ทางภาคประชาชนและภาครัฐร่วมกันทำในรูปแบบของคณะกรรมการที่มาจากทุกภาคส่วน ก็ต้องเอาข้อมูลจริงให้ผู้ว่าฯได้พิจารณา เมื่อมารับปากครั้งนี้ ก็หวังให้แก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานานให้แล้วเสร็จในรัฐบาลนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรม คืนสิทธิชุมชนดังเดิมให้กับชาติพันธุ์ไทดำลุ่มน้ำตาปีจ.สุราษฎร์ธานี


