โรงเรียนเล็กในหาดใหญ่ เปิดเรียนได้ แต่ยังไม่ 100% รับสภาพ อุปกรณ์-สื่อการสอนเสียหาย ขาดงบฯ ฟื้นยาก

ย้ำ ภาพเด็กในวิกฤตการศึกษา จากเหตุน้ำท่วมใหญ่ กสศ. พบ 5 ปัจจัยด่วน เด็กเสี่ยงหลุดจากระบบ ขณะที่ โรงเรียนเล็กหลายแห่ง ยังเปิดเรียนได้ไม่เต็มระบบ ไม่มีโต๊ นั่งพื้น เด็กใช้สมุดเล่มเดียวกันเรียน ทีวี โปรเจคเตอร์พัง ไร้สื่อการสอน หวั่นงบฯ อุดหนุนไม่พอซ่อม หวังพึ่งอาสาสมัครช่วย

วันนี้ (17 ธ.ค. 68) The Active ลงพื้นที่ โรงเรียนวัดชลธารประสิทธิ์ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังก่อนหน้านี้ War Room ภาคประชาชน เข้ามาฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ นักเรียน และคุณครูในเบื้องต้น ซึ่งขณะนี้ทางโรงเรียนยังขาดแคลนในทุกด้าน นักเรียนชั้นอนุบาล ประถมศึกษา ใส่ชุดไปรเวทมาเรียน เพราะชุดนักเรียนจมหายไปช่วงน้ำท่วม

ขณะที่การเรียนการสอน บางห้องเด็กและครูต้องนั่งพื้น ใช้สมุดเล่มเดียวในการเรียน ครูต้องเอาโทรศัพท์ส่วนตัวเปิดคลิปสื่อการเรียนการสอน เนื่องจากทีวี จอโปรเจคเตอร์ ได้รับความเสียหายทั้งหมดด้วยเช่นกัน รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ขั้นพื้นฐานอย่างน้ำดื่มที่ยังต้องซื้อ

โดยที่ก่อนหน้านี้มูลนิธิไทยพีบีเอส และมูลนิธิกระจกเงา ในนาม War Room ภาคประชาชน ได้เข้ามาดำเนินการฉีดล้างทำความสะอาดโรงเรียน พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นเร่งด่วนให้กับโรงเรียนแห่งนี้ และอีกหลายแห่งใน อ.หาดใหญ่

ทาง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อยู่ระหว่างพิจารณกรอบวงเงินในการฟื้นฟูโรงในสังกัด และมีช่องให้โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบใช้งบฯ เร่งด่วนของโรงเรียนก่อนได้ แต่ผู้อำนวยการโรงเรียน ยอมรับว่า เนื่องจากที่นี่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ได้รับการอุดหนุนเป็นรายหัว เงินก้อนดังกล่าวไม่เพียงพอในการจัดซื้อสื่อการสอนใหม่

“เราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เด็ก 61 คน งบฯ อุดหนุนเป็นรายหัว ที่ผ่านมาเราใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นก็ต้องใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ส่วนสื่อการสอนก็ต้องดูอีกทีว่าทางเครือข่ายฯ จะมีมาตรการอย่างไร”

สอดคล้องกับการสำรวจเด็กในวิกฤตการศึกษา จำนวน 410 กรณี ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ โดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบ 5 ปัญหาเร่งด่วนที่เด็กเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ประกอบด้วย

  • 83.1% ขาดอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการเรียนตั้งแต่สมุด ดินสอ หนังสือ ไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์ ส่งผลให้เด็กจำนวนมาก “เข้าเรียนไม่ได้” แม้โรงเรียนจะพยายามเปิดการเรียนการสอนแล้วก็ตาม

  • 57.5% บ้านที่อยู่อาศัยเสียหาย บ้านไม่ปลอดภัย เด็กต้องย้ายที่อยู่ หรือไม่มีที่อยู่อาศัย

  • 37.7% ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพใจ

  • 33.5% ภาวะขาดแคลนอาหารและโภชนาการ

  • 30.1% ขาดแคลนค่าใช้จ่ายในการมาโรงเรียน ค่าเดินทาง ชุดนักเรียน

ปัจจัยเหล่านี้ได้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เด็กจำนวนหนึ่งไม่สามารถกลับมาเข้าเรียนได้ แม้ครอบครัวจะมีความตั้งใจ

ส่วนความกังวลของครูเวลานี้ คือ ฤดูการสอบอ่าน และการสอบโอเน็ต ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 หรืออีกประมาณไม่ถึง 2 เดือน หากยังไม่สามารถจัดการศึกษาได้เต็มร้อย อาจจะกระทบกับเด็ก ๆ จำนวนมาก

ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า การของบประมาณในการซ่อมแซ่มโรงเรียนที่สังกัด สพฐ. มีงบประมาณ อยู่ 3 ส่วน ที่ทางโรงเรียนสามารถดำเนินการได้ แต่งบฯ ที่อยู่ในการบริหารจัดการของทางโรงเรียนที่สามารถใช้ได้เลย คืองบประมาณรายหัว ซึ่งยอมรับว่างบฯ ก้อนนี้ สำหรับโรงเรียนขนาดเล็กอาจมีปัญหาเนื่องจากงบฯ ที่อุดหนุนตามปีจะไม่มากนัก หากโรงเรียนเสียหายหนักงบก้อนนี้อาจไม่เพียงพอ

โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ระบุเพิ่มเติมว่า โรงเรียนขนาดเล็กสามารถที่จะทำเรื่องของบประมาณเพิ่มเติมมาที่ สพฐ.ได้ เนื่องจากว่าทางส พฐ.จะยังมีงบประมาณเหลือค้างอยู่ หรือหากอาคารเรียนเสียหายหนัก ทาง สพฐ.ก็จะทำเรื่องของบฯ เพิ่มเติมให้

ทั้งนี้ยืนยันว่า เวลานี้ โรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ สามารถกลับมาเปิดเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. ครบทุกแห่งแล้ว

แต่จากลงพื้นที่ของ The Active พบว่า การเปิดโรงเรียนในพื้นที่เวลานี้เพื่อให้เด็ก ๆ ได้กลับมาเรียน ลดภาระผู้ปกครอง แม้ว่า ทางโรงเรียนจะยังไม่มีความพร้อม 100% ขณะเดียวกัน การของบประมาณเข้าไปตามช่องทางที่มีอยู่ ส่วนใหญ่มักถูกตัดงบฯ หรือไม่ได้ตามที่ร้องขอ การซ่อมแซ่มโรงเรียนจึงเป็นการพึ่งพาการบริจาคและอาสาสมัครซ่อมจากภาคส่วนต่าง ๆ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active